แม็ค อัลลิสเตอร์ คนจะรักอยู่เฉยๆเขาก็รัก

ช่วงซักประมาณปี 2020 ไบรท์ตัน ในยุคที่ยังอยู่ในมือของ แกรห์ม พ็อตเตอร์ เริ่มมีรูปแบบการเล่นผ่าเหล่าผ่ากอทีมระดับล่างแต่ยังไม่เป็นที่จับตาของโลกฟุตบอลเท่าไหร่นัก

สารภาพเลยว่า ณ ตอนนั้นรู้จักแต่พวกคุ้นหน้าคุ้นตาอย่าง อดัม ลัลลาน่า, เบน ไวท์, นีล เมาปาย, อีฟ บิสซูม่า, ลีอันโดร ทรอสซา, ทริค แลมพ์ตีย์ หรือตัวเก๋าอย่าง แดนนี่ เวลเบ็ค

แต่ที่น่าสนใจจริงๆคือผมสังเกตเห็นนักเตะคนนึงจนถึงกับต้องอุทานในใจ “เอ๊ะ” ทำไมสไตล์การเล่นไม่เหมือนนักเตะสก็อตแลนด์

ครับด้วยความที่ชื่อ “แม็ค” สัญชาตญาณแรกย่อมหนีไม่พ้นชาตินี้

ในระหว่างที่ “นกนางนวล” กำลังเตะอยู่ (แต่จำคู่แข่งไม่ได้) ผมรีบเปิดกูเกิ้ลเพื่อรูหาประวัติเพิ่มเติมและแน่นอนอายุการใช้งานเหลืออีกเท่าไหร่

สนใจและอยากได้เหลือเกิน!!

ใช่ครับเขาคือ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ที่ปัจจุบันกลายเป็นนักเตะป้ายแดงคนใหม่ของ ลิเวอร์พูล สดๆร้อนๆเรียบร้อยแล้ว

คาร์ลอส ผู้พ่อเคยเป็นนักฟุตบอลอาชีพให้ โบคา จูเนียร์ ยุคปลาย 80 ต่อต้น 90 แถมเคยยืนอยู่บนผืนหญ้ากับ ดิเอโก้ มาราโดน่า มาแล้วหนนึงด้วย

ลูกชาย 3 คนของ คาร์ลอส ล้วนแล้วแต่เป็นนักฟุตบอลอาชีพเหมือนกันหมด

ย้อนกลับไปที่ข้อสงสัยถึงความเกี่ยวดองกับ “แม็ค” สืบเนื่องมาจากต้นตระกูลเป็นคน ไอร์แลนด์ โดยที่บรรพบุรุษก่อนหน้านั้นมีความเป็นไปได้ที่จะมีรากเหง้าเป็นชาว สก็อตแลนด์

นี่คือที่มาที่ไปหยาบๆของ แม็ค อัลลิสเตอร์ ที่ชั่วโมงนี้ชาว “หงส์” กำลังเฉลิมฉลองกันอย่างสุดเหวี่ยง

เพราะ “กราบเรียน” ตามตรงการหลุดจากเวทีแชมเปี้ยนส์ลีกในฤดูกาลหน้าการที่นักเตะมีใจให้คือของขวัญที่สวรรค์มอบให้ชาวลิเวอร์อย่างแท้จริง

ที่สำคัญต้องไม่ลืมว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ล็อกเป้าพยายามไฮแจ็คแต่พอทราบว่า AMA ใจเทให้ “หงส์แดง” ไปแล้วจึงกลับลำไปทุ่มล่า เมสัน เมาท์ เต็มตัว

ดีลนี้มี “ท็อปปิ้ง” หลายจุดที่ทำให้ใครหลายคนมองว่ามันคือที่สุดของแจ้คุ้มเหมือนได้เปล่า

อย่างแรกเลยคือตัวเลขค่าตัวที่ครั้งนึงเคยถูกคาดการณ์ว่าน่าจะสูงถึง 60-70 ล้านปอนด์

เพราะอย่าลืมว่า AMA มีใบเซอร์ “แชมป์โลก” กับ อาร์เจนติน่า มาแล้วแถมเป็นเดอะแบกพา ไบรท์ตัน คว้าอันดับ 6 เมื่อฤดูกาลที่เพิ่งจบไปและคว้าตั๋วลุยยุโรปเป็นหนแรกในประวัติศาสตร์สโมสรอีกต่างหาก

แต่ “หงส์แดง” ได้ในราคาโปร 6.6 แค่ 35 ล้านปอนด์ยิ่งน่าตกใจเข้าไปอีก

มีการเปิดเผยจาก The Athletic ว่าตอนที่แข้งวัย 24 ปีขยายสัญญาเมื่อเดือนตุลาคมปี 2022

มีผลทำให้ แม็ค อัลลิสเตอร์ จะอยู่ในถิ่น เดอะ อาแม็กซ์ ไปจนถึงปี 2025 แต่ที่เพิ่มเติมเข้ามาคือค่าฉีกสัญญาเพียงแค่ 35 ล้านปอนด์

ทำไม ไบรท์ตัน ถึงยอมเสียเปรียบกับดีลนี้กันนะ?

ว่ากันว่าเป็นดีลที่วินวินทั้ง 2 ฝ่ายคือ AMA ยอมขยายสัญญาพร้อมเปิดทางให้ตัวเองย้ายทีมในอนาคตได้สะดวกขึ้น

ค่าเหนื่อยที่เคยรับอยู่แค่ 50,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ขยับเพิ่ม 3 เท่าเป็น 150,000 ปอนด์ที่ แอนฟิลด์

ในขณะที่ “นกนางนวล” สามารถสอดไส้เงื่อนไขหากมีทีมไหนได้ตัวแข้งจอมทัพ “ฟ้าขาว” ผู้นี้ไปร่วมทีม

ตามรายงานจาก BBC จากตัวเลข original 35 ล้านปอนด์อาจขยับไปแตะที่ 55 ล้านปอนด์แต่ต้อง “ทริกเกอร์” กับเงื่อนไขใดนั้นไม่มีการแจกแจงรายละเอียด

ตัวเลขจะไปหยุดอยู่ที่ 35 หรือ 55 แต่เหนืออื่นใดนี่คือดีลที่สม “ฐานะ” กับทีมอย่าง ลิเวอร์พูล แบบไม่ต้องสงสัย

การเสียมิดฟิลด์รวดเดียว 3 คนในตลาดเดียวคือรอยโหว่ครั้งใหญ่ของสโมสรและหันซ้ายมองขวาตัวที่เหลืออยู่เป็นผู้เฒ่าที่ไม่สามารถสู้กับยุคสมัยเทรนด์ฟุตบอลที่ใช้พละกำลังอย่างมหาศาลได้อีกแล้ว

นั่นหมายความงบที่ลงไปกับ AMA แค่ 35 ล้านปอนด์จะทำให้เป้าหมายที่ถูกพูดถึงมากที่สุดอย่าง มานู โคเน่ หรือ ตูราม คนใดคนหนึ่งยิ่งมีความเป็นไปได้มากที่สุด

หลายคนพูดถึงการเสริมกลางมากกว่า 2 ตัวหรืออาจจะ 3 ซึ่งในความเป็นจริงอย่าลืมว่า เยอร์เก้น คล็อปป์ มีทั้งเจ้าหนู บายเซติซ หรือที่มาแรงท้ายฤดูกาลอย่าง เคอร์ติส เบลลิ่งโจนส์ บวกกับตัวโรเตชั่น เฮนโด้, ฟาบินโญ่, เอลเลียตต์ และ ธิอาโก้

ทั้งหมดนี้เชื่อกันว่างบที่ยังพอเหลือมีสิทธิ์ไปลงที่แนวรับมากกว่าเพราะยังขาดทั้งแบ็คขวาและเซนเตอร์ที่เป็นจุดที่ตัวหลักเจ็บทีมดาว์นเกรดแทบจะทันที

กลับมาที่ แม็ค อัลลิสเตอร์ แน่นอนครับการมาของเขาแทบจะการันตีตำแหน่งในทีมได้เลย

ด้วยลักษณะเด่นเฉพาะเล่นได้หลากหลายตำแหน่งทั้งเบอร์ 6, 8 และ 10 คือแต้มต่อที่เหนือคนอื่นบานเบอะ นี่ยังไม่ได้พูดถึงความฟิตความหนุ่มแน่นที่ว่ากันว่าสามารถวิ่งตั้งแต่วันคริตมาสยันสงกรานต์ได้แบบไม่มีหมด

จุดเด่นที่จะเข้ามาเติมเต็มให้ “หงส์แดง” คือการผลิตสกอร์จากตำแหน่งมิดฟิลด์

แม็ค อัลลิสเตอร์ ยิงให้ ไบรท์ตัน เมื่อฤดูกาลที่แล้วรวมทุกรายการ 12 ประตูซึ่งมากกว่ากลาง ลิเวอร์พูล รวมกันทุกคนที่ทำได้แค่ 10 ลูก

บ่งบอกถึงความเน่าหนอนและพึ่งพาแต่ 3 ตัวบนเป็นหลักแบบน่าเกลียดมาก

แต่อ่ะเพื่อความยุติธรรม 6 จาก 10 ประตูที่ AMA ทำได้ในพรีเมียร์ลีกมาจากการยิงจุดโทษและเมื่อพูดถึงตอนนี้ก็ต้องบอกว่าหาก โม ซาลาห์ ยังตีนบอดให้เห็นเรื่อยๆก็มีโอกาสที่จะเปลี่ยนมือรวมถึงลูกฟรีคิกที่ เทรนต์ ยึดสัมปทานอยู่คนเดียว

ในขณะเดียวกันด้วยความที่มีความเข้าใจเกมและแท็คติกส์ค่อนข้างสูงทำให้ แม็ค อัลลิสเตอร์ น่าจะปรับตัวไม่ยากกับการยืนกลางในระบบหากิน 4-3-3 หรือระบบใหม่ 3-4-3 ด้วยการถอยมายืนเบอร์ 6 ตอนแบ็คเติมเกมรุกและเบอร์ 10 เมื่อยามเป็นฝ่ายครองครองบอล

จากสถิติของ Delphlyx ระบุว่า แม็ค อัลลิสเตอร์ มีตัวเลขทั้งรุกและรับเหนือกว่า เฮนโด้ และ ธิอาโก้ แบบไม่เห็นฝุ่น

แม้ในรายของ เฮนโด้ จะมี key pass และ interception ต่อเกมมากกว่า AMA แต่ในแง่อื่นๆแข้งแชมป์โลกกินขาดไม่ว่าจะแย่งบอลกลับมา, เกมรับตัวต่อตัว, การเลี้ยงผ่านคู่แข่ง, การปั้นเกมรุก, การวิ่งและยิง

หันมาเทียบกับ ธิอาโก้ ที่แน่นอนชนะในเรื่องของสถิติเกมรุบแต่ แม็ค อัลลิสเตอร์ เหนือกว่าในการสร้างเกมรุกต่อเกมรวมไปถึงตัวเลขการจ่ายบอลสำคัญ, วิ่งและยิงที่เหนือกว่าเห็นๆ

นอกจากนี้สถิติของ Opta ระบุไว้ว่าอดีตแข้ง ไบรท์ตัน สร้างโอกาสได้มากกว่ากองกลาง ลิเวอร์พูล (ที่คาดว่าจะอยู่ต่อในฤดูกาลหน้า) ทุกคน

AMA สร้างโอกาส 1.47 ครั้งต่อ 90 นาทีในขณะที่ เอลเลียตต์ 1.45, เฮนโด้ 1.34 และ ธิอาโก้ 1.22

ในแง่ของความฟิตความดุดันต้องบอกว่า แม็คอัลลิสเตอร์ จะเข้ามาเติมเต็มการเพรสซิ่งให้ “หงส์แดง” ได้อย่างแน่นอนโดยมีการเปิดเผยว่าการแย่งบอลใน final third หรือพื้นที่แดนบนของคู่แข่งสูงถึง 0.90 ต่อ 90 นาทีในขณะที่ ฟาบินโญ่ ทำได้แค่ 0.71 เท่านั้น

เอาให้เห็นภาพชัดมากขึ้นไปอีกต้องเทียบกับ “มดงาน” ในอดีตอย่าง จินี่ ไวจ์นัลดุม ที่มีความคล้ายคลึงกันอย่างมาก

ในฤดูกาล 2019-20 แม็ค อัลลิสเตอร์ พยายามเลี้ยงบอล 2.1 ครั้งต่อ 90 นาทีส่วนจินี่ 2.3 ครั้ง

การดวลตัวต่อตัวต่อ 90 นาทีอยู่ที่ 10.7 ต่อ 9.1 ที่ความสำเร็จอยู่ที่ 57.3% เทียบกับ 47.2% ของจินี่

จะเห็นได้ว่า แม็ค อัลลิสเตอร์ จะเข้ามายกระดับไม่ใช่แค่แดนกลางแต่ในองค์รวมของ “หงส์แดง” อย่างไม่ต้องสงสัย

แต่แน่นอนครับการเสริมทัพแค่ตัวเดียวคงจะฝันถึงความสำเร็จเลยเป็นไปไม่ได้เพราะเราก็ต้องไม่ลืมว่าทีมอื่นๆเขาไม่ได้นอนเกาไข่อยู่เฉยๆ ทุกๆทีมเสริมทัพและวางรูปแบบการเล่นเพื่ออัพ patch แก้ลำคู่แข่งไปเรื่อยๆ

นั่นหมายความว่าความยืดหยุ่นต่อระบบไม่ยึดติดกับแผนเดิมๆแผนดียวหรือ DIY อย่างที่ เป๊ป ทำอยู่เป็นปัจจัยที่สำคัญไม่แพ้เรื่องการใช้เงินด้วยครับ…

ที่มา: soccersuck

ความคิดเห็น

ความคิดเห็น

จำนวนคนดู: