ชำแหละ! เสื้อแข่ง 1 ตัว 80 ปอนด์ แบ่งให้ใครบ้าง
10 สโมสรชั้นนำในพรีเมียร์ลีก ประกาศปรับราคาเสื้อแข่งเกรดแฟนบอลใหม่ในซีซั่น 2023-24 เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 9-14 เปอร์เซนต์ โดย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และอาร์เซนอล เป็นทีมที่อัพราคามากที่สุดจาก
70 ปอนด์ (ประมาณ 3,100 บาท)
เป็น
80 ปอนด์ (3,550 บาท)
ทั้งสองสโมสรปรับราคาขึ้นมาอยู่ที่ 80 ปอนด์ ในระดับเดียวกับทอตแน่ม ฮอตสเปอร์ ที่อัพราคาขึ้นมา 5 ปอนด์ จากปีที่แล้ว ถือเป็นสโมสรที่ขายเสื้อแขนสั้นของผู้ใหญ่แพงที่สุด
โดยถ้าหากอยากได้แบบฟูลออพชั่น มีทั้งโลโก้พรีเมียร์ลีก สกรีนชื่อและเบอร์ผู้เล่น ราคาจะเพิ่มขึ้นเป็นตัวละ
100 ปอนด์ (4,400 บาท)
เลยทีเดียว
ด็อกเตอร์ ปีเตอร์ โรห์ลมันน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดธุรกิจกีฬาชาวเยอรมันเปิดเผยว่า
ต้นทุนการผลิตเสื้อเกรดแฟนบอล ทั่วไปแล้วจะตกตัวละ 8 ปอนด์เท่านั้น (350 บาท)
หรือคิดเป็น 10 เปอร์เซนต์ของราคาเสื้อ
ซึ่ง 8 ปอนด์ที่ว่าคือค่าวัสดุ, ค่าแรง (ปกติจ้างแรงงานในเอเชีย) และค่าขนส่ง
ส่วนที่เหลืออีก 90 เปอร์เซนต์ของราคาขาย ด็อกเตอร์โรห์ลมันน์ แจกแจงออกมาได้ดังนี้
– พ่อค้าปลีก (ซึ่งมักจะเป็นสโมสร) จะได้รับ 26.40 ปอนด์ (1,180 บาท)
– แบรนด์ผู้ผลิต ได้รับ 23.47 ปอนด์ (1,050 บาท)
– ภาษีมูลค่าเพิ่ม 13.33 ปอนด์ (596 บาท)
– ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้สโมสร (ต่อหน่วย) 4.80 ปอนด์ (215 บาท)
– 2.40 ปอนด์ต่อหน่วยใช้ไปกับการตลาด (107 บาท)
– และ 1.60 ปอนด์ สำหรับการจัดจำหน่ายในท้องถิ่น (71 บาท)
ตัวเลขเหล่านี้เป็นเพียงแค่ ภาพรวม ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยขึ้นอยู่กับสัญญาที่ทำกับไว้ระหว่างสโมสรกับผู้ผลิต ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะมีการจ่ายเป็นเงินก้อนให้กับสโมสรในแต่ละปี
ขณะที่ สโมสรให้ข้อมูลว่า ผู้ผลิตชุดกีฬาอย่าง adidas, Nike และ Puma จะรับหน้าที่เป็นผู้กำหนดราคาเสื้อขึ้นมา
สำหรับ 10 สโมสรพรีเมียร์ลีกปรับราคาเสื้อเกรดแฟนบอลใหม่ในซีซั่น 2023-24 มีดังนี้
ขึ้นราคา 10 ปอนด์ (ประมาณ 440 บาท)
– อาร์เซนอล (80 ปอนด์)
– แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (80 ปอนด์)
ขึ้นราคา 5 ปอนด์ (ประมาณ 220 บาท)
– ทอตแน่ม (80 ปอนด์)
– แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (75 ปอนด์)
– ลิเวอร์พูล (74.95 ปอนด์)
– แอสตัน วิลล่า (70 ปอนด์)
– นิวคาสเซิล (70 ปอนด์)
– เอฟเวอร์ตัน (65 ปอนด์)
– คริสตัล พาเลซ (60 ปอนด์)
– วูล์ฟส์ (60 ปอนด์)
ที่มา: soccersuck