“หนูน” ยึดแล้วหน้าเป้า ปืนโทษใครไม่ได้
พรีเมียร์จะแยกไปคิกออฟเวลาอื่นวันอื่นบ้างก็ไม่ได้เนอะ ยัดช่วง 20.00 ทุ่มพร้อมกัน 4 คู่ต้องลำบากแยกโสทประสาทดูหลายจอเสียสมาธิไปอี๊ก
ที่ แอนฟิลด์ ต้องบอกว่าตามชื่อชั้น ลิเวอร์พูล ชนะก็เป็นไปตามคาดแต่ถ้าวันนี้จะเสมอผมคงไม่ได้ตกใจถึงขนาดตาเหลือกอะไร
เพราะต้องยอมรับอย่างนึงว่า เวสต์แฮม ถูก เดวิด มอยส์ สร้างขึ้นมาให้เป็นทีม “ตอดเก่ง” และค่อนข้างน่ารำคาญมาก
นักเตะเอาตัวรอดเก่งโคตรๆทั้ง อันโตนิโอ, โบเว่น หรือตัวเทพที่ผมไม่เห็นใครแย่งบอลจากเท้าได้เลยอย่าง ปาเกต้า
จังหวะสวนกลับจะใช้วิธี hit and hope ให้ อันโตนิโอ จัดการเก็บและรอเพื่อนมาสมทบ อันนี้เป็นศาสตร์สำคัญที่ทำให้ “ขุนค้อน” ไม่เคยเป็นรองใครนอกบ้าน
ลูก 1-1 นั่นแหละครับที่ direct ยาวเปลี่ยนจากแค่ตัวพักจาก อันโตนิโอ เป็น โบเว่น ทุกอย่างเซ็ตขึ้นมาตามหน้าที่ชัดเจน
สเต็ปของอารมณ์เวลาดูบอลตอนทีมรักขึ้นนำ 1-0 มันดีใจนะแต่พอลูก 2 ไม่มาซักทีลึกๆมันก็เริ่มรู้สึก “เอ๊ะอ๊ะ” เขาถึงบอกว่าเป็นช่วงจุดเปลี่ยนของเกมเลย
จริงๆ “หงส์แดง” ใกล้เคียงกับคำว่าคาบ้านเอามากๆถ้า โบเว่น โขกจ่อๆไม่ตรงตัว อลิสซอน นึกไม่ออกเหมือนกันว่าถึงเวลานั้นโควต้า “คัมแบ็ค” ยังจะเหลือมาถึงเกมนี้หรือไม่
ครับในเมื่อ เวสต์แฮม ไม่ฉวยโอกาสที่มีไม่มากนักท้ายที่สุดเป็น ลิเวอร์พูล ที่ได้ประตู “ปลดปล่อย” ของ ดาร์วิน นูนเญซ
ต้องบอกว่าลูกนี้ยากกว่าลูกที่ โม ซาลาห์ ถวายพานให้ตั้งเยอะแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องชม แม็ค อัลลิสเตอร์ ที่เปิดบอลน้ำหนักเป๊ะสุดๆเป๊ะแบบเวอร์วัง
ถ้าเกินกว่านี้นิดนึง (ก็ถึงมือประตู) หรือขาดอีกหน่อย (ก็ติดหัวกองหลัง) กล่าวคือ space ระหว่างเซนเตอร์กับผู้รักษาประตูเหลือน้อยและแคบมากๆ
เป็นความสมบูรณ์แบบทั้งคนเปิดและคนยิงก่อนที่ ดิโอโก้ โชต้า ปิดความหวังของ เวสต์แฮม ก่อนหมดเวลา 5 นาที
โซบอสไล ณ เวลานี้ไม่น่าห่วงอะไรแล้ว ปรับตัวราวกับเล่นมาหลายปีแต่ AMA ยังเหมือนสนิมเกาะขาดูจังหวะการเล่นช้าไป 1 สเต็ปมีจ่ายพลาดและเสียบอลให้เห็นอยู่
ผมกำลังมองว่าด้วยการถูกมอบหมายให้เล่นเบอร์ 6 ที่ทำให้แกไม่กล้าเล่นเสี่ยง เป็นการจำกัดวิชั่นและอิสระในการเล่นพอสมควร
ถ้า JK ตั้งใจใช้งานตำแหน่งนี้ยาวๆต้องให้เวลากันอีกพักใหญ่ๆเลยครับ
ในส่วนอื่นๆ นูนเญซ กำลังคุกคามและได้เปรียบหน่อยๆแล้วกับตำแหน่งหน้าเป้าเพราะตอนนี้ต้องบอกว่า “หนูน” พักบอลได้เล่นกับเพื่อนได้ ที่สำคัญดันยิงประตูได้เรื่อยๆอีกต่างหาก
ในขณะที่ กัคโป แม้ท่วงท่าลีลาการพลิกบอลจะนิ่งและเนียนตากว่าแต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าในเมื่อ โม ซาลาห์ ลดบทบาทตัวเองมาเป็น “สายจ่าย” การมี “หนูน” ใช้ความเร็ววิ่งหลังไลน์อันตรายกว่า กัคโป ที่ชอบล้วงบอลต่ำกว่าเยอะมากๆแล้ว
ส่วนนอกสนามต้องเอาใจช่วย นูนเญซ สื่อสารภาษาอังกฤษให้มากกว่าคำหากิน “thank you for your support” มันจะช่วยให้การ lick up กับเพื่อนร่วมทีมดีกว่าเดิมแน่นอน
สำหรับเดอะ ค็อป เชื่อได้ว่าตอนนี้กำลังรู้สึกเชียร์บอลมันขึ้นเมื่อแดนกลางฤดูกาลนี้มีความยืดหยุ่นทั้งรุกและรับ เรื่องพละกำลังเรี่ยวแรงไม่เป็นรองใครพลิกโฉมจากซีซั่นก่อนชนิดตั้งตัวไม่ติด
ทุกคนสัมผัสได้ว่าทุกๆตำแหน่งพร้อมมีส่วนกับการช่วยเกมรุกและทำประตู ไม่ใช่ “อะไรก็กู” อีกแล้ว
ว่ากันว่าการซ่อมแดนกลางหนนี้ match กับกองหน้าอย่างลงตัวโดยเหลือแค่เซนเตอร์กับแบ็คขวาที่คาดว่าจะเป็นหมุดหมายต่อไปของ JK แน่นอนครับ
ความท้าทายพิสูจน์ตัวเองมีเข้ามาทุกสัปดาห์ งวดนี้ถึงคิวไปเยือน สเปอร์ส ที่เคยผูกปีแพ้ “หงส์” มาตลอดแต่งวดนี้บอกได้เลยว่าเขาพร้อมทวงคืนทั้งต้นทั้งดอกแล้วครับ…
อาร์เซนอล 2-2 สเปอร์ส
เมื่อพูดถึง สเปอร์ส ก็ต้องมาจบที่บิ๊กแมทช์ที่มันสุดๆและแทบละสายตาไม่ได้เลยคือที่ เอมิเรสต์ สเตเดียม ในศึก นอร์ธ ลอนดอน ดาร์บี้ แมทช์
สกอร์ 2-2 แบ่งแต้มเป็นสิ่งที่ทั้งคู่ไม่ต้องการและเป็นผลดีของทีมที่มีส่วนได้ส่วนเสียทั้ง ลิเวอร์พูล ที่ขึ้นรองจ่าฝูงและ ไบรท์ตัน แซงขึ้นมาอยู่อันดับ 3
ตอนแรกผมเห็นสถิติ “ไก่” ชนะที่บ้าน “ปืน” แค่หนเดียวตลอด 30 ปีก็นึกว่าอ่านผิดแต่จากฟอร์มในสนามไม่เกินเลยครับที่ ซน เฮือง มิน พูดเอาไว้ก่อนเกมว่า อาร์เซนอล ไม่อยากเจอ สเปอร์ส ตอนนี้
ถ้าเป็น “คลับไก่” ปีก่อนๆการประเดิมโดน OG. ของ โรเมโร่ เป๋ยาวอาการออกทั้งทีมแน่นอนแต่ไม่ใช่ “ไก่” ในยุค แอนจ์ ปอสเตโคกลู เป็นชุดที่กลับสู่รากเหง้าความเป็นสโมสรที่สุดแล้วครับ
แอนจ์ สื่อสารวิธีการเล่นออกมาจนเราเห็นเลยว่านักเตะมั่นใจว่าตัวเองมีของในเกมรุกมากแค่ไหน
ดาเนี่ยล เลวี่ ประธานสโมสรถึงขนาดออกมายอมรับว่าแต่งตั้ง มูรินโญ กับ คอนเต้ ที่เล่นสไตล์ “ตีหัวเข้าบ้าน” คือความผิดพลาด
เหตุผลง่ายๆคือยุค พอเชตติโน่ “ไก่” เข้าใกล้กับการคว้าแชมป์หลังแพ้ ลิเวอร์พูล ใน UCL 2019
เขาจึงจำเป็นต้องดึงโค้ชที่ปิดงานได้แชมป์โดยสไตล์การเล่นจะเป็นอย่างไรไม่ใช่เรื่องสำคัญเพื่อให้สโมสรนี้ปลดล็อกคว้าแชมป์หลังโทร์ฟีย์สุดท้ายนู่นเลยครับสมัยลีก คัพ ใช้ชื่อ คาร์ลิ่ง คัพ ปี 2008
ผมเชื่อว่าแฟน “ไก่” ไม่ได้อยากรีบร้อนให้ทีมพลิกโฉมคว้าแชมป์ภายในปีหรือสองปีนี้หรอกครับ แค่วางรากฐานระบบการเล่นให้ชัดเจนไม่ต้องเปลี่ยนโค้ชบ่อยๆแค่นี้ความสำเร็จมันตามมาเองอยู่แล้ว
การได้ เจมส์ แมดดิสัน ในราคา 40 ล้านปอนด์เป็นดีลที่คุ้มค่ามากๆ วิชั่นการจ่ายบอล, การเอาตัวรอดหรือความพลิ้วเหมาะกับระบบ system fluidity หรือความไหลลื่นของเกมรุกอย่างลงตัว
จุดโทษ ขึ้นนำ 2-1 ของ ซาก้า แทบไม่มีประโยชน์อะไรเลยเพราะแต่นาทีเดียว จอร์จินโญ่ ไม่รู้คิดอะไรอยู่ถึงเลือกเก็บบอลรอให้เขามาถึงตัวขนาดนั้นทั้งๆที่มีทางเลือกเพียบซ้ายขวาและหลัง
อาจจะด้วยความซวยด้วยครับเนื่องจาก ไรซ์ เจ็บต้องเปลี่ยนเอา จอร์จินโญ่ มาแทนจนเป็นเรื่อง
พลาดในเกมใหญ่แบบนี้ย่อมถูกลงโทษและส่งผลเต็มๆกับ 2 แต้มที่หายไปต่อหน้าต่อตา
ครับผ่านมา 6 นัด แมนฯซิตี้ชนะรวด 100% ตามมาด้วย ลิเวอร์พูล และ ไบรท์ตัน เป็น 3 ทีมที่โกยแต้มเป็นกอบเป็นกำถือว่าตุนความได้เปรียบเอาไว้ก่อนเพื่อน
ต้องอย่าลืมว่าแต่ละปีและแต่ละทีมจะมีโมเมนต์กากๆเช่น black October, black November, black December บลาบลาดังนั้นการตั้งหลักเครื่องติดก่อนย่อมส่งผลดีกว่ามาตื่นช่วงกลางกับปลายๆ
อย่างหลังเหนื่อยกว่าเยอะครับและต้องบอกว่า วิกฤติกับ เชลซี หนักข้อขึ้นเรื่อยๆล่าสุดอีหรอบเดิมแพ้คาบ้านต่อ แอสตัน วิลล่า 1-0
ตัวเท่ากันเกมรุกก็กาวอยู่แล้วแต่ กุสโต้ โดนไล่ออกนาที 58 บรรลัยไส้เข้าไปอีก
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเกมในบ้านตลอดทั้งปี 2023 “สิงห์” เพิ่งชนะแค่ 3 เกมและผลงานทั้งในและนอกบ้าน 18 เกมหลังสุดชนะแค่ 2 นี่คือผลงานของ เชลซี จริงๆเหรอครับ!!
ในเมื่อลงทุนไปกว่าพันล้านแต่ผลงานเหมือนใช้งบพันเดียวคนเดียวที่ต้องรับผิดชอบคือ พอเชตติโน่
เห็นได้ชัดว่าไม่ว่าจะแง่มุมไหนแกไม่มีความสามารถในการเข็นทีมพลัง “หนุ่ม” ชุดนี้อีกแล้ว เผลอๆจะสูญเสียความเชื่อมั่นจากนักเตะในทีมไปหมดแล้วด้วย
“เสี่ยท็อด” จะทำอะไรก็รีบทำปล่อยไปแบบนี้อันตรายมากๆครับ…
สถิติ สถิติ สถิติ
ในฐานะผู้จัดการทีมในพรีเมียร์ลีกที่แพ้ “นัดเยือน” ให้ อาร์เซนอล, เชลซี, ลิเวอร์พูล และ แมนฯยูฯ รวมถึนไม่มีใครเกิน เดวิด มอยส์ ที่เจ๊งมากถึง 72 เกมโดยที่ไม่ชนะเลย (เสมอ 21 แพ้ 51) โดย 13 เกมหลังสุดเยือนพี่ใหญ่แพ้รวด
ซน เฮือง มิน เป็นนักเตะ สเปอร์ส คนแรกที่ยิงเบิ้ลในเกมเยือน อาร์เซนอล นับตั้งแต่ จอห์น เฮนดรี้ เคยทำได้ในเกมพรีเมียร์ลีกเมื่อเดือนพฤษภาคม 1993
คริสเตียน โรเมโร่ เป็นนักเตะคนที่ 11 ในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก (เป็นคนแรกของ สเปอร์ส) ที่ทำเข้าประตูตัวเองและทำเสียจุดโทษในเกมเดียวกัน
แต่ โรเมโร่ เป็นนักเตะคนที่ 4 ของ “คลับไก่” ที่ทำเข้าประตูตัวเองในศึก นอร์ธ ลอนดอนโดยก่อนหน้านั้น คริส อาร์มสตรอง, เควิน วิมเมอร์ และ ฮูโก้ ยอริส จัด og. ให้ “ปืนใหญ่” นำ 1-0 ทั้งสิ้น
แอนจ์ ปอสเตโคกลู เป็นผู้จัดการทีมคนที่ 4 ในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกที่ทีมยิงได้อย่างน้อย 2 ลูกใน 6 เกมหลังสุดโดยก่อนหน้านั้นเป็น คาร์โล่ อันเชล็อตติ (เชลซี), เป๊ป กวาดิโอล่า (แมนฯซิตี้) และ เคร็ก เชคสเปียร์ (เลสเตอร์)
เชลซี ชนะแค่ 1 จาก 6 เกมแรกในพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2000-01 แถมยังแพ้ถึง 3 จาก 6 เกมแรกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ 2015-16
เชลซี ยิงใครไม่ได้ในพรีเมียร์ลีกตลอดปี 2023 มากถึง 13 เกมถือว่ามากที่สุดในบรรดาทุกทีมและเป็นสถิติใหม่ของสโมสรที่ยิงใครไม่ได้มากนัดที่สุดในปฏิทินเดียวนับตั้งแต่ปี 1995 (14 เกม)
มาโล กุสโต้ ในวัย 20 ปี 128 วันเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดของ เชลซี ที่ถูกไล่ออกในพรีเมียร์ลีก ส่วน 2 คนที่อายุมากกว่าและโดนใบแดงคือ จอน โอบี มิเกล พบ เรดดิ้ง เมื่อปี 2006 (19 ปี 175 วัน) และ โรเบิร์ต ฮูธ พบ แมนฯยูฯ ปี 2004 (19 ปี 264 วัน)
นับตั้งแต่ อูไน เอเมรี่ เข้ารับตำแหน่งกุนซือ แอสตัน วิลล่า มีเพียง แมนฯยูฯ (14) ที่เก็บคลีนชีตได้มากกว่าพวกเขา (11)
โม ซาลาห์ เป็นนักเตะคนที่ 5 ที่ยิงหรือจ่ายใน 6 เกม “แรก” ของพรีเมียร์ลีกโดย 5 คนที่ทำได้ก่อนหน้านั้นเป็น เดวิด เบ็คแฮม (แมนฯยูฯ 2000-01), เธียร์รี่ อองรี (อาร์เซนอล 2004-05), แซร์คิโอ อาเกวโร่ (แมนฯซิตี้ 2019-20) และ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ (แมนนซิตี้ 2022-23)
ที่มา: soccersuck