บอล 5 ดาว ‘สิงห์’ เวอร์เกินต้าน
แฟนบอลทั้ง 2 ทีมและคนดูกลางๆอย่างเราเห็นพ้องร่วมกันว่าบิ๊กแมทช์ Pure Quality ซัดกระจุยกระจายเจ๊า 4-4 ไม่สมควรมีผู้แพ้จริงๆครับ
ดังนั้นจุดโทษราวกับถูกเขียนบทของ โคล พาลเมอร์ เด็กเก่า แมนฯซิตี้ ในช่วงทดเจ็บ 90+5 เป็น fair result จบแบบแฮปปี้เอนดิ้งทุกภาคส่วน
มาตรฐานของ “เรือใบ” การที่เกมรับโดนยิง 4 ลูกไม่ใช่เรื่องปกติแน่นอน
ในทางกลับกันนี่คือฟอร์มที่ดีที่สุดในฤดูกาลนี้ของ เชลซี ที่ผมขออนุญาตใช้คำว่า “คาย” ศักยภาพออกมาเต็มทุกหน่วยกิจไม่มีหัก
ราฮีม สเตอร์ลิ่ง สร้างความปั่นป่วนให้เพื่อนเก่าเกือบทั้งเกมและมีชื่อทำประตูเป็น 1 ในฟอร์มที่ดีที่สุดของเจ้าตัวอย่างไม่ต้องสงสัย
This is Sterling that fans want to see เป็นการรีแคพของคอมเมนเตเตอร์ที่ชัดเจนที่สุดในเกมระทึกใจ 5 ดาวที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์
จุดสำคัญที่มองข้ามไม่ได้และจะไม่เกิดการแบ่งแต้มแน่ๆคือการรักษาระยะห่างไว้ที่ 1 ลูกไม่มากไปกว่านี้ หาไม่แล้วไม่ฝั่งใดก็ฝั่งนึงต้องไหลเป็นเยี่ยวแน่นอน
ในขณะเดียวกันเกมรุก “สิงห์” เริ่มส่งสัญญาณเลิก “พอเพียง” หลังยิง 8 ลูกใน 2 นัดล่าสุดทั้งๆที่ 9 นัดก่อนหน้านั้นยิงได้แค่ 13 ลูกเท่านั้นเอง
ส่วน นิโคลัส แจ็คสัน ที่วันนี้ยิงไป 1 เม็ดเพิ่มสถิติยิง 6 ประตูจาก 7 เกมหลังสุดแต่ท่ามกลางตัวเลขสวยๆหลายคนยังเป็นห่วงฟอร์มโดยรวมของหอกทีมชาติ เซเนกัล วัย 22 ปีที่ยังล่กและมั่วซั่วอยู่พอสมควร
ค. พาลเมอร์ ยกระดับตัวเองกลายเป็นตัวหลักอย่างเป็นทางการ วิชาที่ร่ำเรียนมาจากค่าย “ซิติเซนส์” วันนี้ร่ายมนต์ทุกกระบวนท่า
เช่นเดียวกับ คอเนอร์ กัลลาเกอร์ ที่นับวันยิ่งเล่นดี รุกได้รับดี วิ่งไม่มีหมดราวกับอัดไวอากร้ามาแถมมีส่วนกับประตูตีเสมอ 3-3 (ยิงไกลโดนปัด)
ประเด็นที่ไม่น่ามีอะไรแต่ เจมี่ คาร์ราเกอร์ อดีตกองหลัง ลิเวอร์พูล มองต่างคือจุดโทษของ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ถูก คูคูเรญ่า ดึง+คว้า
“พี่เอ๋อ” ให้ความเห็นว่า ฮาลันด์ เริ่มดึง คูคูฯ ก่อนจนกระทั่งเสียความได้เปรียบไปอยู่ตำแหน่งด้านหลังในที่สุด
ถ้าเป็นคำพูดจากปากคนอื่นผมพอเข้าใจแต่ในฐานะกองหลังเก่าอย่าง คาร์ร่า วิเคราะห์ “พรวด” ไปเยอะเลยนะครับ
ในความจริงแล้ว ฮาลันด์ และ คูคูฯ ต่างฝ่ายต่างดึงแขนเสื้อของกันและกันตั้งแต่บอลยังไม่ออกจากเท้า แบร์นาโด้ ซิลวา
ทันทีที่บอลออกจากเท้าแข้ง โปรตุกีส, “จอมมารบู” วิ่งออกตัวสะบัดหนีไปยืนอยู่ข้างหน้า คูคู
ถึงตรงนี้แล้วด้วยขนาด “ไซส์” ไม่มีทางเลยที่แบ็คหัวฟูจะทำอะไรได้นอกจากโอบเอวคว้าทั้งๆที่ ธิอาโก้ ซิลวา ยืนแย่งโหม่งอยู่ข้างหน้าอีกคน
มันเคสเดียวกับที่ ฮอยลุนด์ คว้า โรดรี้ เป๊ะๆ ไม่มีทางเลยครับที่ VAR จะตัดสินเป็นอื่นได้
คุณภาพของเกมนี้เต็มไปด้วยคุณภาพถึงขนาดที่ว่ากว่าจะมีล้ำหน้าหนแรกของเกมนี้ก็ปาเข้าไปนาที 84 หายากมากๆครับที่เกมเปิดแลกขนาดนี้แต่เช็กไลน์กันเนียนกริบสุดๆ
หากสังเกตส่วนตัวผมไม่ค่อยเขียนถึง “เรือใบ” ซักเท่าไหร่เพราะความที่พวกเขา “เหนือมนุษย์” ชนะจนเป็นเรื่องปกติ รูปเกมไล่กดไล่นวดชาวบ้านจึงไม่มีเหตุหรือประเด็นอะไรให้พูดถึง
ตรงกันข้าม “สิงห์บลู” ผมไม่ค่อยกล้าออกตัวมากเท่าไหร่เนื่องจากอารมณ์แปรปรวนเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เจอทีมใหญ่ไม่ว่าจะ อาร์เซนอล และล่าสุด ซิตี้ เล่นดีแบบดีเหลือหลาย แต่บทจะมอบตัวก็แพ้คาบ้านดื้อๆให้ ฟอเรสต์ หรือ เบรนท์ฟอร์ด
ก่อนหน้านี้ผมเคยแตะๆไปบ้างเรื่องอนาคตของ ปอเชตติโน่ ที่อาจไม่รอดก่อนเบรกทีมชาติเนื่องจากต้องเจอโปรแกรมหฤโหดแบบไม่พัก
แต่ด้วยความที่เริ่มจับทางไม่ค่อยอยู่กลายเป็นว่าตอนนี้จู่ๆเกมรุกก็ดีดสนั่นเก็บได้ 5 แต้มกับการเจอ อาร์เซนอล, สเปอร์ส และ แมนฯซิตี้ ซะอย่างงั้น
เกมบิ๊กแมทช์ “สิงห์” กับ “เรือ” แบ่งแต้มกันก็จริงแต่การบ้านของ “พอช” ท่วมหัวกว่า “เป๊ป” เยอะเลยครับ…
สถิติ สถิติ สถิติ
เชลซี เสมอกับ แมนฯซิตี้ 4-4 ในพรีเมียร์ลีกเป็นการเสมอกันด้วยสกอร์นี้หนแรกนับตั้งแต่ ลิเวอร์พูล เสมอกับ อาร์เซนอล เมื่อเดือนเมษายน 2009
นี่คือเกมที่ 882 ของ เป๊ป กวาดิโอล่า ในอาชีพผู้จัดการทีมและเป็นหนแรกของเขาด้วยที่ทีมยิงและเสีย 4 ประตูในเกมเดียวกัน
ผลเสมอ 4-4 หนนี้ทำให้ เชลซี และ แมนฯซิตี้ ยิงรวมกันเกิน 3+ เป็นหนแรกนับตั้งแต่พฤศจิกายน 1960 (เชลซี ชนะ ซิตี้ 6-3)
นับตั้งแต่ debut กับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เมื่อปี 2020 เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ยิง 2 ประตูหรือมากกกว่าถึง 36 เกมในลีก ซึ่งมากกว่านักเตะทุกคนใน 5 ลีกใหญ่ยุโรป
36 – ฮาลันด์
30 – เลวานดอฟสกี้
29 – เอ็มบาปเป้
20 – เบนเซเม่า
19 – เคน
มานูเอล อาคานจี้ ยิงประตูใน 3 เกมหลังสุดให้ แมนฯซิตี้ ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้น 60 เกมแรกยิงไปแค่ 1 ลูกเท่านั้น
ธิอาโก้ ซิลวา เป็นนักเตะคนที่ 4 ที่ยิงประตูในลีกได้ในวัย 39 ปีหรือมากกว่าโดยก่อนหน้านั้นมีทั้ง เท็ดดี้่ เชอร์ริ่งแฮม, ดีน วินดาสส์ และ ไรอัน กิกส์
นี่เป็นเกมลีกที่ 20 เข้าให้แล้วที่ เชลซี ตามหลังคู่แข่ง 1-0 ตลอดปี 2023 ครองสถิติแย่ๆนี้ร่วมกับ บอร์นมัธ และ คริสตัล พาเลซ
ที่มา: soccersuck