แฟนผีทนทุกข์ รับเสียง่ายรุกหมูหก

แฟนผีทนทุกข์ รับเสียง่ายรุกหมูหก

บทสัมภาษณ์ของ เอริค เทน ฮาก หลังแพ้ เวสต์แฮม 2-0 แทบไม่ต่างจากวันที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ เคยบ่นๆเอาไว้ในศึกแดงเดือด

“เป็นฝ่ายครองบอล มีโอกาสแต่ทำไม่ได้กันเอง”

เส้นบางๆที่ แมนฯยูฯ ควรต้องขึ้นนำแต่ลงเอยแพ้ต่อ เวสต์แฮม 2-0 ตัดสินกันที่คุณภาพผู้เล่นแนวรุกของทั้ง 2 ทีมล้วนๆ

ในครึ่งแรกการ์นาโช่ มีโอกาสหลายต่อหลายครั้งโดย 1 ในนั้นเป็นจังหวะที่ใครเห็นก็ว่าเข้า

การทิ้งโอกาสในช่วงโมเมนท์ที่ แมนฯยูฯ ควบคุมสถานการณ์ส่งผลกระทบรุนแรงถึงขั้นแพ้ในบั้นปลาย

ผมเชื่อว่าเกมจะเปลี่ยนไปแน่นอนหากทีมเยือนขึ้นนำเพราะเข้าทางเต็มๆ

ต้องบอกว่า แมนฯยูฯ กว่าจะมีโอกาสแรกก็ปาเข้าไปร่วมครึ่งชั่วโมงแต่สังเกตดีๆรูปเกมของ “ขุนค้อน” ไม่ได้มาคุหรือดีกว่าอะไรเลย

สืบเนื่องมาจากพวกตัวโหดๆอย่าง โบเว่น, ปาเกต้า หรือ คุนดุส จะถนัดกว่าถ้าต้องเล่นเกมสวนกลับมีพื้นที่เยอะๆ

ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่า เวสต์แฮม ช่วงครึ่งแรกอาจยังไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของพวกเขา ของแท้คือต้องให้คู่แข่งเป็นฝ่าย “เข้าหา” และรอสวน หาใช่ต้องเป็นฝ่าย “ริเริ่ม” ซึ่งไม่ใช่งานถนัด

เราจะเห็นได้ว่า “ขุนค้อน” มักเป็นรองคู่แข่งเสมอในเรื่องของ % การครองบอง อย่างเกมนี้หลังจบ 90+7 เป็น ยูไนเต็ด ที่กดไป 66 ต่อ 34%

พักครึ่ง เดวิด มอยส์ แก้เกมโยก โบเว่น ที่ครึ่งแรกไปยืนฝั่งซ้ายและโดนเจ้าหนูยักษ์วิลลี่ คัมบ์ว่าล่า ตามเกาะติดจนเล่นไม่ออกกลับมาเล่นฝั่งขวาที่ต้องบอกว่าคุกคามกว่าเยอะ

ประตู 1-0 ของเจ้าถิ่นเป็นเรื่องที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก ผมมองว่ามีโชคนิดๆด้วยที่ ปาเกต้า ดันจับบอลไม่ดีจนปลิ้นลอยเหนือพื้น

ทำให้จังหวะการวิ่งของ โบเว่น ที่ให้แล้วไป “เชื้อเชิญ” ให้แข้งแซมบ้ากระดกเฉือนๆข้ามหัวแนวรับ ยูไนเต็ด ที่ยืนเรียงเช็กไลน์ในเขตโทษ 6-7 คน

นี่คือความแตกต่างต่อการใช้โอกาสของนักเตะ match winner ที่ขอซัก 1-2 ครั้งหรือไม่ก็โป้งเดียวอย่างที่ โบเว่น ทำได้

การเล่นของ “ขุนค้อน” จังหวะนี้เราไม่ได้เห็นในเกมแดงเดือดทั้งๆที่การอัดแน่นในเขตโทษและหน้าเขตโทษของ ยูไนเต็ด หนาแน่นไม่แพ้กัน

เช่นเดียวกับความเข้มข้นและขึงขังต่อเกมรับของผู้เล่นบางคนดันไม่เหมือนเดิม

กล่าวคือ บรูโน่ ทำไมถึงปล่อยให้ โบเว่น วิ่งฉีกหนีไปง่ายๆหรือ แม็คโทฯ ถึงเหยาะแหยะในการปรี่เข้าหา ปาเกต้า

ทั้ง 2 จุดทำให้เพลย์นี้ของ “ขุนค้อน” ดูง่ายขึ้นมาอีกเท่าตัว…

การโดนลูก 2 อย่างรวดเร็วหลังจากนั้นอีก 6 นาทีทำให้เกมจบทันที หลายคนยอมมอบตัวไปพร้อมๆกับการถอยร่นไปคุมเกมรับของ เวสต์แฮม

แม้ ไมนู รับไปเต็มๆกับความผิดพลาดจับบอลรั่วตีนและถูกสวนโป้งเดียวหายในพริบตาแต่ถ้าใครได้ดูเกมน้องเล่นดีมีประโยชน์กว่า แม็คโทมิเนย์ เยอะ

แต่ด้วยวัย 18 ปีซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ควรต้องค่อยๆเก็บเกี่ยวประสบการณ์แต่การถูกดันเพื่อแก้วิกฤติผลงานในฤดูกาลนี้เป็นการขออะไรที่มากเกินกับเด็กวัยนี้ไปด้วยซ้ำ

เช่นเดียวกับ วิลลี่ คัมบ์ว่าล่า เซนเตอร์คองโกวัย 19 ปีที่สรีระอย่างโหดทั้งหนาและสูงถึง 192 ซม. วันนี้แทน วาราน ที่ป่วยและต้องบอกว่าเล่นได้เกินมาตรฐาน

อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าเป็นห่วงของ “ปีศาจแดง” ณ เวลานี้คือปัญหาที่ดันเกิดขึ้นพร้อมกันคือทั้งรุกและรับที่ฉุดรั้งให้ผลงานของ ETH ร้อนก้นสุดๆ

4 นัดหลังในทุกรายการสุด ยูไนเต็ด ยิงใครไม่ได้เลยแม้แต่ลูกเดียว ในขณะที่เกมรับโดนแทบทุกนัด (ยกเว้นแดงเดือด)

ทำให้เราต้องย้อนกลับมาพูดถึงที่เกริ่นไว้ข้างต้นว่า ณ ตอนนี้คุณภาพผู้เล่นที่จะช่วยให้ทีมยิงประตูอย่างสม่ำเสมอไม่ดีพอ

การ์นาโช่ วูบวาบพาตัวเองเข้าไปมีส่วนร่วมได้ตลอดแต่จังหวะสุดท้ายแกทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าหลับหูหลับตาเปิด เช่นเดียวกับ ฮอยลุนด์ ที่ถึง match day 18 แล้วยังยิงประตูในลีกไม่ได้ซักทีทั้งๆที่ย้ายมาจาก อตาลันต้า ด้วยค่าตัวสูงถึง 72 ล้านปอนด์

ท่ามกลางวิธีการเล่น+นักเตะหลายคนยังไม่ดีพอเชื่อว่าตัวเลข “แพ้” ทะลุขึ้น 2 หลักในไม่ช้าแน่นอนครับ…

สถิติ สถิติ สถิติ

แมนฯยูฯ แพ้ 13 เกมทุกรายการในฤดูกาลนี้ มีเพียงซีซั่น 1930-31 (16 เกม) ที่แพ้มากกว่าทีมชุดปัจจุบันก่อนถึงคริสต์มาสโดยปีนั่น ยูไนเต็ด จบลงด้วยตำแหน่งบ๊วย

“ปีศาจแดง” เล่น 4 นัดทุกรายการยิงประตูไม่ได้เลย นับเป็นหนแรกตั้งแต่ฟฤศจิกายน 1992 ที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คุมทีมอยู่

จาร์รอด โบเว่น ยิง 11 ประตูในลีกฤดูกาลนี้ ทำสถิติยิงประตูมากสุดก่อนคริสต์มาสร่วมกับ จอห์น ฮาร์ทสัน ที่ทำไว้เมื่อซีซั่น 1997-98

ที่มา: soccersuck

ความคิดเห็น

ความคิดเห็น

จำนวนคนดู: