TAA ใครเห็นก็ว่าเข้า ปืนโล่งยังจ่าฝูง

TAA ใครเห็นก็ว่าเข้า ปืนโล่งยังจ่าฝูง

ถ้าไม่มีเหตุการณ์จังหวะหลุดเป็นแผง 5 ต่อ 2 ก่อน เทรนต์ ยิงชนคานชนิดที่เราต้องร้อง “เฮีย” เชื่อว่าเด็ก “หงส์” หลายคนน่าจะโอเคกับผลเสมอ อาร์เซนอล

แต่ในขณะเดียวกันเมื่อชี้เป้าไปยังฟอร์มนักเตะหลายๆคนของ ลิเวอร์พูล ผมเชื่อว่า “ปืนใหญ๋” ก็สมควรได้แต้มไม่น้อยไปกว่ากัน

เราสัมผัสได้ตั้งแต่ต้นเกมชัดๆเลยคือ “ปืนใหญ่” มาเยือนแอนฟิลด์ไม่เหมือนทุกครั้ง

ครั้งสุดท้ายที่บุกมาชนะที่นี่คือกันยายน 2012 หรือ 12 ปีมาแล้ว ถามว่านานไหมก็ไม่ถึงกับนานมาก

แต่ก็นานพอที่ฝรั่งจะเอาหยิบเอามาล้อเลียนว่า 12 ปีที่ว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง

– มิเกล อาร์เตต้า ยังติด 11 ตัวจริง อาร์เซนอล

– อเวนเจอร์ส ฉายเป็นครั้งแรก

– โม ซาลาห์ ย้ายจาก อัล โมคาวลูน ซบ บาเซิ่ล

– เพลงกังนัม สไตล์ยึดโลก

– บูกาโย่ ซาก้า อายุครบ 11 ขวบ

แต่อย่างที่บอกไปครั้งนี้มาแบบไม่กลัว มาแบบขอสู้ตั้งแต่เสียงนกหวีดดังซึ่งประตู 1-0 ที่ได้มาอย่างรวดเร็วตั้งแต่นาทีที่ 4 เป็นการเพรสอย่างว่องไวจนกระทั่ง “หงส์” เสียบอลและทำฟาว์ล

แฟน ลิเวอร์พูล ต้องยอมรับอย่างนึงว่ารูปแบบการเล่นตรงกลางสนามสู้ อาร์เซนอล ไม่ได้จริงๆ แกะเพรสไม่เนียนไม่ได้ทุกจังหวะและมีความเสี่ยงที่จะเสียกลางทางซึ่งเป็นจุดอันตราย

ดังนั้นเราจึงเห็นบอลวางยาว direct อยู่บ่อยครั้งจนกระทั่งมา “โป๊ะ” น้ำหนักบอลของ TAA ข้ามหัว ซินเชนโก้ ตกตรงเส้นเขตโทษ 18 หลาเหลือ space ให้วิ่งไปเอาเหลือๆ

แต่ลูกนี้ต้องบอกว่าประสบการณ์ ซินเชนโก้ ควรทำได้ดีกว่านี้ซึ่ง เอียน ไรท์ ตำนานแข้ง “ปืน” บอกอดีตแข้ง แมนฯซิตี้ ควรบีบให้ “บัง” ไปริมเส้นซึ่งเป็นเท้าข้างไม่ถนัดไปเลยก็จบแล้ว

กล่าวคือรอดักกินจังหวะแตะเข้าในเท้าซ้ายอย่างเดียว ถ้า โม จะฝืนไปเส้นหลังก็วัดไปเลยว่าจะครอสบอลด้วยเท้าขวาได้ดีขนาดไหน

แต่ภาพที่เห็นคือพะวงไปเส้นหลังมากกว่าแตะเข้าในจนขาตายโดนล็อกหายและเป็นประตูตีเสมอในที่สุด

ในขณะเดียวกันฟีลลิ่ง “กลัว” ลิเวอร์พูล ของ อาร์เซนอล มาในช่วงสั้นๆตอนต้นครึ่งหลัง เราจะเห็นได้ว่า โอเดการ์ด เสียหน้าเขตโทษบอล 2 หนและ ซินเชนโก้ โดนแย่งไปอีก 1

ณ ตอนนั้นนักเตะหลายคนของทีมเยือนแสดงอาการหวั่นวิตกต่อการวิ่งเข้าใส่ของแข้งหงส์ที่ได้พลังจากทีมทอล์กช่วงพักครึ่งเต็มๆ

ทั้งนี้ต้องปรบมือให้ ดีแคลน ไรซ์ ที่แบกแดนกลางเอาอยู่หมัด นิ่งสุดๆ ทรานซิชั่นรับเป็นรุกรับจบแถมเป็นคนที่แทบไม่เสียบอลเลย

หลังจบเกมนี้เดอะ ค็อป แอบเป็นห่วงอะไรหลายๆอย่างไล่ตั้งแต่แนวรุกที่ตอนนี้บอกได้แค่ว่ามี ซาลาห์ คนเดียวเท่านั้นที่ยิง, จ่ายและสร้างโอกาสให้คนอื่น นอกนั้นไม่รู้จะพึ่งพาใครจริงๆ

แล้วประเด็นคือแกจะหายไปร่วม 7 เกมเพื่อทำศึกแอฟค่อนกับทีมชาติ อิยิปต์ และแต่ละเกมสำคัญๆทั้งนั้น

เอฟเอ คัพ : อาร์เซนอล

พรีเมียร์ลีก, บอร์นมัธ, เชลซี, อาร์เซนอล, เบิร์นลีย์

คาราบาว คัพ ฟูแล่ม (เหย้า/เยือน)

แค่คิดก็รู้สึกหนาวๆร้อนๆขึ้นมาทันที ครั้นพอหันไปมองคนอื่นๆได้แต่ถอนหายใจ

หลุยส์ ดิอาซ​ ไม่เคยคิดจะจ่ายใครและคนดูรู้เลยว่าได้บอลปุ๊บเดี๋ยวจะต้องเล่นท่าอะไรบ้าง (เลี้ยงตัดหรือไม่ก็ม้วนแล้วคืนหลัง)

ผมตะหงิด JK นะที่เห็นฟอร์มลูโซ่ขนาดนี้แต่ยังให้ลงตัวจริงบ่อยกว่าสำรอง ขืนเป็นแบบนี้นักเตะได้ใจไม่คิดปรับเปลี่ยนวิธีการเล่น ไม่เข้าใจว่าแกเป็นแบบนี้ได้ยังไง

กัคโป ช้าเกินไปกับตำแหน่งที่ ฟิร์เมียโน่ เคยทำไว้ซึ่งเกมรุกเก็บบอลไม่อยู่ทั้งซ้ายและตรงกลาง ต้องไปขึ้นทาง ซาลาห์ บ่อยจนเอียง

โซบอสซ์ไล ยังไม่สามารถพิสูจน์ตัวเองเมื่อต้องเล่นเกมใหญ่ (อีกแล้ว) ทั้งกับ แมนฯยูฯ และ อาร์เซนอล ไม่ฉายแววซักเกม จ่ายบอลใกล้ๆเพื่อนยังส่งให้คู่แข่งซะงั้น หลายๆจังหวะเหมือนไม่กล้าเล่น ตื่นกลัว

การแก้เกมของ JK ส่ง ไรอัน กราเฟนแบร์ค ลงมาเรียกว่าแย่กว่าเดิม เสียบอลง่ายมาก เทียบกับผลงานที่ เคอร์ติส โจนส์ ทำเอาไว้คนละเรื่องเลย

ที่ขาดไม่ได้แล้วตอนนี้คือ เอนโด 11 ตัวจริงต้องมาแล้วครับ ยิ่งตัวรุกเสียบอลกันง่ายต่อกันไม่ติด บาลานซ์แดนกลางสำคัญมาก

กลายเป็นว่าคนเล่นดีทั้ง ซาลาห์ และ เอนโด ต้องไปเล่นให้ทีมชาติญี่ปุ่นทำศึก เอเชี่ยน คัพ ที่กาตาร์ ระหว่างวันที่ 12 มกราคมถึง 10 กุมภาพันธ์ที่กาตาร์

ข่าวร้ายของ ลิเวอร์พูล ล่าสุด ซิมิคาส อยู่โรงพยาบาลอาจไหปลาร้าหัก แบ็คซ้ายหายเกลี้ยง 2 คนได้เวลา โจ โกเมซ จริงๆจังๆซักที

การทำหล่นไป 4 แต้มและได้มาแค่ 2 กับทีมใหญ่ด้วยกันเป็นอีกบทพิสูจน์ว่า หงส์ 2.0 ยังต้องปรับจูนกันต่อไปและถ้ายังไม่อยากหลุดวงโคจรไปไกลกว่านี้ต้องหาแต้มจากนอกบ้านมาชดเชยให้ได้ครับ (เริ่มจาก เบิร์นลีย์ วันอังคาร)

ครับผลเสมอเกมนี้ทำให้ อาร์เซนอล ยังรักษาจ่าฝูงไปจนถึงคริตสมาสและ ลิเวอร์พูล ยังเกาะติด 1 แต้มเหมือนเดิม

แต่ใจความสำคัญมันไม่ใช่เรื่องหยุมหยิมอะไรพวกนี้แต่มันเป็นภัยคุกคามที่พร้อมจะกลับมาร่วมวงโต๊ะจีนนั่นคือ แมนฯซิตี้ แชมป์สโมสรโลกสดๆร้อนๆที่ได้ เควิน เดอ บรอยน์ กลับมาซ้อมแล้ว ตาม 6 แต้มกับ 1 เกมในมือไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย

รวมไปถึงตาอยู่ทั้ง แอสตัน วิลล่า ที่แม้เสียสถิติในบ้านเสมอกับ “บ๊วย” และ สเปอร์ส ที่เริ่มกลับมาเข้าเบรกก็พร้อมที่จะเสียบแทนถ้าเกิดใครพลาดไม่ชนะซักเกมสองเกม

ครับบอลอังกฤษต้องจับตาเทศกาล Boxing Day จนถึงปีใหม่ให้ดี หลายทีมขุมกำลังไม่พอมักหลุดโค้งช่วงนี้กันเยอะจริงๆ…

สถิติ สถิติ สถิติ

ในพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้ ลิเวอร์พูล ได้มา 19 แต้มหลังถูกคู่แข่งนำไปก่อนซึ่งมากกว่าทุกๆทีมโดยแพ้เพียงแค่ 1 เกมในลีกตลอดทั้งฤดูกาบ 2023-24 แม้ตามหลังคู่แข่งถึง 10 เกม (ชนะ 5 เสมอ 4 แพ้ 1)

โม ซาลาห์ มีส่วนร่วมกับ 121 ประตูตลอดการลงสนาม 120 นัดให้ ลิเวอร์พูลที่ แอนฟิลด์ (88 ประตู 33 แอสซิสต์) มากกว่านักเตะทุกคนในสโมสร

121 – โม ซาลาห์

120 – สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด

100 – ร็อบบี้ ฟาวเลอร์

เทรนต์ ทำแอสซิสต์ในลีกไปแล้ว 57 ลูกมากกว่ากองหลังทุกๆคนในประวัติศาสตร์พรีเมียร์โดยทำได้เท่ากับ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน เพื่อนร่วมทีม ลิเวอร์พูล

อาร์เซนอล จะเข้าสู่ช่วงคริสต์มาสด้วยตำแหน่ง “จ่าฝูง” 2 ปีติดซึ่งเกิดขึ้นเพียงครั้งที่สองเท่านั้นเองโดยครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อปี 1932 และ 33

กาเบรียล เป็นกองหลังที่ทำประตูมากที่สุดในพรีเมียร์ลีกเมื่อนับตั้งแต่เขาย้ายมาร่วมทีม อาร์เซนอล เมื่อเดือนกันยายน 2020 (11 ประตู) แถมประตูที่เขาทำได้เป็นประตูที่เร็วที่สุดที่ อาร์เซนอล ทำได้ที่แอนฟิลด์อีกด้วย (3 นาที 27 วินาที)

ที่มา: soccersuck

ความคิดเห็น

ความคิดเห็น

จำนวนคนดู: