โค้ชปอดแหก เหมาะคุมทีมเล็ก

โค้ชปอดแหก เหมาะคุมทีมเล็ก

การที่ เชลซี บุกไปแบ่งแต้มกับ แมนฯซิตี้ ถึงเอติฮัด มองเผินๆคือความสำเร็จชนิดผูกโบแดงแต่จริงๆแล้วมันเป็นการเปิดโปงแคแรคเตอร์ “ปอดแหก” ของ เมาริซิโอ ปอเชตติโน่ ออกมาเต็มๆ

“สิงห์บลู” เล่นดีมาก ความสมดุลระหว่างเกมรับและรุกอยู่ในระดับที่เรียกว่า “กลมกล่อม” และนำ 1-0 จนกระทั่ง “พอช” ทยอยเปลี่ยนตัวรุกที่เล่นดีๆออกตั้งแต่นาที 64 (เอ็นคุนคู แทน ราฮีม), นาที 71 (ชาโลบาห์ แทน พัลเมอร์)

เรียกว่าอดีตกุนซือ สเปอร์ส ไม่สู้ขอสวมวิญญาณทีมเล็กอุดตั้งแต่เกือบๆครึ่งชั่วโมง!!

คือคุณไม่อยากลิ้มลองรสชาติชัยชนะถึงบ้าน “แชมป์เก่า” ดูหน่อยเหรอ มันรออยู่ข้างหน้าอีกนิดเดียวแล้วนะนั่น

ประวัติ, ข้อมูลหรือสถิติมันฟ้องอยู่โทนโท่ ไม่เคยมีใครอุดและต้านทานพายุบุแคมของเกมรุก “เรือใบ” ได้อยู่แล้ว พอช น่าจะรู้ดีกว่าใคร

ถ้าหาเหตุผลมาแย้งว่าโอเคเปลี่ยนตัวเพราะ สเตอร์ลิ่ง วิ่งจนหมด (คล้องจองเนอะ) ที่ม้านั่งคุณยังมี มูดรีค ที่มีความไวไม่แพ้กันและลงสนามบ่อยกว่าแต่ดันเลือก เอ็นคุนคู ที่ชัดเจนว่าไม่ฟิตเลย

แต่ที่คาใจแฟนบอลที่สุดคือ พาลเมอร์ นี่แหละครับ เอากองหลัง ชาโลบาห์ มาแทนตัวที่เล่นดีที่สุดในทีมวันนี้ออก เพื่อ?

จากเดิมที่ “เรือใบ” ต้องดันไลน์แนวรับสูงถึงกลางสนามตามเกมรุกที่ขึงเกมอย่างหนัก

แต่นั่นคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดของพลพรรค “สิงห์บลู” ที่ได้สวนกลับอย่างเมามันคือตอน 3 ลูกกรอกทั้ง แจ็คสัน, สเตอร์ลิ่ง และ พาลเมอร์

โดยเฉพาะคนหลังตีนออกแสง มีความปรารถนาแรงกล้าที่ต้องการพิสูจน์ให้ทีมเก่าเห็นว่าตัวเองมีดีอะไร

เป็นตัวออกบอลจังหวะสวนได้ลุ้นแทบทุกครั้ง ถ้ากองหน้าไม่ห่วยกันเองทีมเยือนยิงลูก 2 หรือมากกว่านั้นได้ไปแล้ว

ทุกครั้งที่ได้บอลพรี่ก็นิ่งเกิ๊น ต้นครึ่งหลังมีจังหวะนึงพอเพื่อนส่งมา ผมก็คิดว่าทำอะไรวะทำไมยืนนิ่งๆ อ้อรอผู้เล่นซิตี้เข้ามาแย่งก่อนจัดดากไปเต็มๆ (จำไม่ได้แล้วว่าใคร)

ในฐานะแฟนบอลอย่างพวกเรา อดเห็นเกมมันๆแลกหมัดกันไปโดยปริยายเพราะหลังจากนั้น 20 กว่านาทีเป็น “เรือใบ” ที่พับสนามและ เชลซี ตั้งรับเตะทิ้งอยู่ข้างเดียว

การเปลี่ยนตัวที่ฆ่าตัวเองตรงนี้ครับทำให้ พอช ที่เดิมทีแฟนบอลไม่สบอารมณ์มานานแล้วยิ่งหมดศรัทธาเข้าไปอีก

แนวรับที่ยืนคุมพื้นที่และช่วยกันซ้อนดีๆกลายเป็นเปลี่ยนมาเล่นหลัง 3 แต่ไปๆมาๆดูหลวมกว่าเดิม

ส่วนนึงเป็นเพราะตัวเก็บบอลเปลี่ยนทรานซิชั่นเอาบอลจากแนวรับมาทำอะไรต่อของแดนกลางและรุกมันไม่มีแล้ว ทำได้แค่เตะบอลทิ้งแล้วรับต่อสุดท้ายก็โดน 1-1 จนได้

เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้แข้งซิตี้เล่นเกมรุกแบบพะว้าพะวง บุกมากก็กลัวแข้ง “สายสปีด” ของ “สิงห์” ทำตัวเองแท้ๆ

มีไม่บ่อยที่จะมีทีมไหนขยับเข้าใกล้การบุกมาคว่ำ “แชมป์เก่า” อย่างที่ เชลซี ทำรวมถึงอดกลายเป็นทีมแรกที่ทำให้ “เรือใบ” ยิงประตูในบ้านไม่ได้หลังก่อนหน้านั้นเด็กๆของ “เป๊ป” ยิงมาตลอด 44 เกม

mentality ของ พอช ในวันนี้มันชัดเจนว่าไม่เหมาะกับทีมโปรเจคพันล้านอย่าง เชลซี เอาซะเลยครับ…

สถิติ สถิติ สถิติ

เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ มีโอกาสยิง 9 ครั้งและมีค่า xg อยู่ที่ 1.71 ในเกมพบ เชลซีทำให้ตัวเลขทั้ง 2 ที่ว่ามาเป็นจำนวนมากสุดของหอกทีมชาตินอร์เวย์ที่ทำได้ใน 1 เกมโดยยิงประตูไม่ได้เลย

ราฮีม สเตอร์ลิ่ง เป็นนักเตะ “เก่า” คนแรกที่ยิงทั้งเหย้าและเยือนในการพบกับ ซิตี้ ในซีซั่นเดียว

ที่มา: soccersuck

ความคิดเห็น

ความคิดเห็น

จำนวนคนดู:
X ปิด