ฮันซี่ ฟลิค กุนซือป้ายแดงแห่งบาร์เซโลน่า กับภารกิจทวงคืนความยิ่งใหญ่

#SSxLaLiga | ชาบี้ เอร์นานเดซ ได้พยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อพาบาร์เซโลน่าป้องกันแชมป์ลาลีกาอีกครั้ง แต่ไม่สำเร็จ ทำให้บทสรุปหลังจบฤดูกาล 2023/24 พวกเขาไม่มีโทรฟี่ติดมือเลยแม้แต่รายการเดียว

เมื่อตำนานมิดฟิลด์วัย 44 ปี ทำภารกิจล้มเหลว การเปลี่ยนแปลงเก้าอี้กุนซือก็มาถึงอีกครั้ง และผู้ที่จะมารับช่วงต่อ จะเจอกับงานที่ท้าทายสุดๆ เพราะยังไม่เคยมีประสบการณ์คุมทีมในแดนกระทิงดุมาก่อน

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา บาร์เซโลน่า ทีมยักษ์ใหญ่แห่งแคว้นคาตาลุญญ่า ประกาศแต่งตั้งฮันซี่ ฟลิค วัย 59 ปี เป็นเฮดโค้ชคนใหม่ เซ็นสัญญาเบื้องต้น 2 ปี และจะเริ่มงานอย่างเป็นทางการในฤดูกาล 2024/25

สมัยที่ยังเป็นผู้เล่น ฟลิคเคยค้าแข้งกับสโมสรดังอย่างบาเยิร์น มิวนิค ช่วงกลางทศวรรษ 1980s คว้าแชมป์บุนเดสลีกา 4 สมัย และเดแอฟเบ โพคาล 1 สมัย ก่อนย้ายไปอยู่กับเอฟซี โคโลญจน์อีก 3 ฤดูกาล

หลังเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพ ฟลิคได้สัมผัสกับงานโค้ชครั้งแรกให้กับฮอฟเฟ่นไฮม์ สโมสรระดับดิวิชั่น 3 ของเยอรมัน ในขณะนั้น ช่วงระหว่างปี 2000 – 2005 แต่ไม่สามารถพาทีมเลื่อนชั้นขึ้นสู่ดิวิชั่น 2 ได้เลย

ในปี 2006 ฟลิคได้รับการว่าจ้างจากสหพันธ์ฟุตบอลเยอรมัน (เดแอฟเบ) ให้เป็นทีมสตาฟฟ์โค้ชของโยอาคิม เลิฟ เทรนเนอร์ทีมชาติชุดใหญ่ ซึ่งเป็นยุคที่ “อินทรีเหล็ก” ประสบความสำเร็จสูงสุดยุคหนึ่งเลยทีเดียว

เริ่มจากการเข้าชิงชนะเลิศ ฟุตบอลยูโร 2008 ต่อด้วยรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2010 และฟุตบอลยูโร 2012 ก่อนที่จะคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2014 ไปครองอย่างยิ่งใหญ่ หลังจากห่างหายไปนานถึง 24 ปี

กระทั่งในเดือนพฤศจิกายน 2019 ฟลิคกลับมารับงานเบื้องหน้าอีกครั้ง ด้วยการเป็นกุนซือชั่วคราวให้กับบาเยิร์น มิวนิค แทนที่ของนิโก้ โควัช เฮดโค้ชชาวโครเอเชีย ที่ทำผลงานย่ำแย่จนถูกปลดจากตำแหน่ง

ขุมกำลังของบาเยิร์น มิวนิค ในเวลานั้น นำโดยโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ได้พลิกสถานการณ์จากฤดูกาล 2019/20 ที่ยากลำบาก ด้วยการคว้าเทรบเบิลแชมป์ ทั้งบุนเดสลีกา, เดแอฟเบ โพคาล และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

ซึ่งหนึ่งในแมตช์แห่งความทรงจำ คือเกมที่ “เสือใต้” ถล่มบาร์เซโลน่าขาดลอยถึง 8 – 2 ในแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย ก่อนคว้าแชมป์ในท้ายที่สุด ด้วยการเอาชนะปารีส แซงต์-แชร์กแมง 1 – 0 ในรอบชิงชนะเลิศ

หลังจากนั้น ฟลิคยังพาบาเยิร์น มิวนิค คว้าแชมป์เพิ่มอีก 3 รายการ ได้แก่ เยอรมัน ซูเปอร์คัพ, ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ และสโมสรโลก กลายเป็น 6 โทรฟี่ ในช่วงเวลา 8 เดือน ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2020 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2021

เมื่อทัวร์นาเมนท์ยูโร 2020 (แข่งขันในปี 2021) สิ้นสุดลง ฟลิค ได้เข้ามารับตำแหน่งเทรนเนอร์ทีมชาติเยอรมนี ต่อจากโยอาคิม เลิฟ คุมทีมทำศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ แต่ตกรอบแรกแบบน่าผิดหวังสุดๆ

สถานการณ์ของฟลิคหลังจากนั้นก็ยังไม่ดีขึ้น ชนะแค่ 1 จาก 6 เกม ในจำนวนนี้แพ้ถึง 4 เกม ทำให้เขาถูกปลดจากตำแหน่งในเดือนกันยายน 2023 ด้วยเปอร์เซ็นต์ชนะเพียง 48 เปอร์เซ็นต์ จากทั้งหมด 25 เกม

⚽️ ‘บาร์ซ่า’ คาดหวังอะไรบ้างจากฟลิค ?

สไตล์การทำทีมของฮันซี่ ฟลิค ที่ทำให้บาเยิร์น มิวนิค ประสบความสำเร็จสูงสุดในช่วงระหว่างปี 2019-2021 คือแผนการเล่น 4-2-3-1 จุดเด่นอยู่ที่การเพรสซิ่งที่เข้มข้นสูง, การครองบอล และกล้าเล่นเกมรุก

ไอเดียของฟลิค จะให้แนวรับดันขึ้นสูง ฟูลแบ็กทั้ง 2 ข้าง ได้รับมอบหมายให้เล่นเกมรุกเป็นหลัก แม้จะทำให้พื้นที่หลังบ้านเปิดกว้างมากขึ้น แต่ก็มีโอกาสที่จะดักบอลจากความผิดพลาดของคู่ต่อสู้ได้เช่นกัน

เมื่อฟูลแบ็ก 2 ฝั่ง ขึ้นมาครอสบอลในแนวรุก ผู้เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์จะคอยช่วยเกมรับ และถ้าคู่ต่อสู้ครองบอลเข้ามาในแดนของตัวเอง ผู้เล่นก็จะเข้าไปรุมแย่งบอลคืน จากนั้นจะเล่นบอลเร็วเพื่อโต้กลับทันที

สถิติการคุมทีมของฟลิค กับเสือใต้ ในบุนเดสลีกา 58 นัด ยิงได้ 174 ประตู หรือเฉลี่ยนัดละ 3 ประตู แสดงให้เห็นถึงปรัชญาที่แน่วแน่ชัดเจน คือการชนะคู่แข่งแบบสวยงาม และสร้างความพึงพอใจให้กับแฟนๆ

นอกจากโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้แล้ว ฟลิคจะได้กลับมาร่วมงานอีกครั้ง กับ 2 นักเตะจอมเก๋าทีมชาติเยอรมนี นั่นคือ มาร์ก-อันเดร แทร์ สเตเก้น ผู้รักษาประตูวัย 32 ปี และอิลคาย กุนโดกัน กองกลางวัย 33 ปี

ในฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะมาถึง ฮันซี่ ฟลิค พร้อมแล้วสำหรับความท้าทายครั้งใหม่ในลาลีกา สเปน และแฟนๆ อาซุลกราน่า ต่างก็คาดหวังที่อยากเห็นทีมรักของพวกเขา ทวงคืนความยิ่งใหญ่จากเรอัล มาดริด

ที่มา: soccersuck

ความคิดเห็น

ความคิดเห็น

จำนวนคนดู: