แมตซ์ฉาวไทยลีก2! คณะวินัยลงโทษ 2 แข้งลำปาง-แพร่, ผตส.โดนด้วย

คณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาท พิจารณาลงโทษแมตช์ฉาวฟุตบอลเมืองไทยลีก คู่ปัญหา “ลำปาง-แพร่” ทั้งปรับและแบน 2 แข้งคู่กรณี รวมถึงผู้ตัดสินและผู้ช่วย

ความคืบหน้าฟุตบอลเมืองไทยลีก (ไทยลีก 2) คู่ปัญหาระหว่าง ลำปาง เอฟซี เปิดบ้านพบกับ แพร่ ยูไนเต็ด เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2567 ซึ่งมีเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายกันในนาทีที่ 90+6 จังหวะที่ กิตติศักดิ์ หมู่สวัสดิ์ ผู้รักษาประตู ลำปาง เอฟซี ใช้เท้าเหยียบที่บริเวณใบหน้าของ อาทิตย์ พรหมขันธ์ ผู้เล่น แพร่ ยูไนเต็ด ทำให้ อาทิตย์ ไม่พอใจเจตนาชกบริเวณท้ายทอย กิตติศักดิ์ ล้มลง

หลังจากนั้น ผู้เล่น ลำปาง เอฟซี ได้วิ่งกรูเข้ามา แต่นักกีฬาทั้งสองทีมช่วยกันห้าม ผู้ตัดสินเห็นเหตุการณ์ได้หยุดการแข่งขัน และให้ใบแดงแก่ อาทิตย์ พรหมขันธ์ ทันที ส่วน กิตติศักดิ์ หมู่สวัสดิ์ ผู้ตัดสินได้พิจารณาให้ใบเหลืองแทน หลังกลับมาแข่งขันในนาทีที่ 90+64

จากเหตุการณ์ดังกล่าว คณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาท นำโดย นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ เป็นประธาน ได้สรุปผลการพิจารณาแบ่งการลงโทษออกเป็น 2 ส่วน ประกอบด้วย ส่วนของผู้ตัดสินที่ทำหน้าที่ และส่วนของผู้เล่นที่ทำร้ายร่างกายกัน ดังนี้

-การพิจารณาลงโทษผู้ตัดสิน

นายเสกสรร พันธ์ศรี ผู้ตัดสิน ปฏิบัติหน้าที่ผิดพลาด ที่ไม่ได้ให้ใบแดงกับ นายกิตติศักดิ์ หมู่สวัสดิ์ ผู้รักษาประตูสโมสรลำปาง เอฟซี ที่ใช้เท้าขวาเหยียบไปที่บริเวณใบหน้าของ นายอาทิตย์ พรหมขันธ์ ผู้เล่นทีมแพร่ ยูไนเต็ด

นายจักรกฤษ แก่นแก้ว ผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 2 ปฏิบัติหน้าที่ผิดพลาด เนื่องจากมีเหตุการณ์กระทำผิดกติกาชัดเจนในพื้นที่รับผิดชอบของผู้ช่วยผู้ตัดสิน แต่ไม่มีการยกธงแจ้งผู้ตัดสินว่ามีผู้กระทำผิดกติกา (พื้นที่ในเขตโทษ)

ผลการพิจารณาลงโทษ นายเสกสรร พันธ์ศรี ผู้ตัดสิน และ นายจักรกฤษ แก่นแก้ว ผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 2 ตามระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่จัดการแข่งขันฯ ตามบทลงโทษหมวดที่ 9 ลักษณะโทษข้อ 57 (8) พักการปฏิบัติหน้าที่คนละ 2 สัปดาห์

ในส่วนของใบแดงที่ให้แก่ นายอาทิตย์ พรหมขันธ์ ผู้เล่น แพร่ ยูไนเต็ด ถือว่าผู้ตัดสินปฏิบัติหน้าที่ถูกต้องแล้ว

-การพิจารณาลงโทษผู้เล่นที่ทำร้ายร่างกายกัน

คณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาทฯ ได้พิจารณาจากรายงานของผู้ควบคุมการแข่งขัน เหตุผลประกอบการให้ใบแดงตามรายงานผู้ตัดสิน และภาพเหตุการณ์ แล้วเห็นว่า พฤติกรรมของ ผู้เล่นหมายเลข 27 นายอาทิตย์ พรหมขันธ์ สโมสรแพร่ ยูไนเต็ด และ ผู้รักษาประตูหมายเลข 24 นายกิตติศักดิ์ หมู่สวัสดิ์ สโมสรลำปาง เอฟซี เป็นการเจตนาทำร้ายร่างการกันของทั้งสองคน เห็นควรพิจารณาลงโทษเพิ่มเติมจากโทษที่ได้รับจากผู้ตัดสินในสนาม

โดยลงโทษเพิ่มเติมผู้เล่นหมายเลข 27 นายอาทิตย์ พรหมขันธ์ สโมสรแพร่ ยูไนเต็ด ตามความผิดข้อ 1.12 (1) ทำร้ายร่างกายไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้ถูกทำร้าย ให้ถูกพักการแข่งขันและห้ามเข้าสนาม 1 นัด ปรับเงิน 20,000 บาท รวมโทษใบแดงตรงที่ได้รับจากผู้ตัดสินในสนามอีก 2 นัด ปรับเงิน 20,000 บาท

ในส่วนของผู้รักษาประตูหมายเลข 24 นายกิตติศักดิ์ หมู่สวัสดิ์ สโมสรลำปาง เอฟซี ที่ได้รับใบเหลือง ให้พิจารณาลงโทษเพิ่มเติม ตามความผิดข้อ 1.12 (1) ทำร้ายร่างกายไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้ถูกทำร้าย ให้ถูกพักการแข่งขันและห้ามเข้าสนาม 3 นัด ปรับเงิน 40,000 บาท

ดังนั้น เมื่อนับรวมโทษผู้เล่นทั้งสองคนจะได้รับโทษเท่ากัน โดยจะถูกพักการแข่งขันคนละ 3 นัด และปรับเงิน 40,000 บาท แต่เนื่องจากเป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการ ไทยลีก 2 จึงลงโทษปรับสองในสาม ปรับเงินคนละ 26,666 บาท

นอกจากนั้น ยังมีการพิจารณาเหตุการณ์หยุดการแข่งขัน

ภายหลังจากเหตุการณ์ผู้เล่นทำร้ายร่างกายในนาทีที่ 90+6 ผู้ตัดสินได้หยุดการแข่งขันเพื่อพิจารณาให้ใบแดงแก่ผู้เล่น แพร่ ยูไนเต็ด และ ชี้แจงเหตุการณ์ในภาพรวมให้กับผู้เล่นทั้งสองทีมได้รับทราบ โดยผู้ตัดสิน ได้มีการหารือกับผู้ตัดสินที่ 4 ในนาทีที่ 90+8 ถึงการกลับมาเริ่มใหม่ ผู้ตัดสินที่ 4 แจ้งว่าลูกบอลอยู่ในการเล่น และสอบถามผู้ตัดสินว่าเหตุการณ์เกิดในเขตหรือนอกเขตโทษ ถ้าในเขตโทษต้องเป็นจุดโทษ ในนาทีที่ 90+13 ผู้ตัดสินได้แจ้งนักกีฬาทั้งสองทีมทราบว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพิจารณาแล้วน่าจะเป็นจุดโทษ แต่ขอสอบถามข้อมูลจากผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 2 ก่อน เวลาผ่านไปจนถึงนาทีที่ 90+16 ผู้ตัดสินเดินกลับมาที่ข้างสนามพร้อมกับเรียกผู้ตัดสินที่ 4 และผู้ช่วยผู้ตัดสินทั้งสองคนมาสรุปลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดอีกครั้ง

ระหว่างนั้นมีการประท้วงไปมาระหว่างทั้งสองทีม ผู้ควบคุมการแข่งขันจึงได้ประสานงานเจ้าบ้านจัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยดูแลสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ยืนคุมพื้นที่ ป้องกันไม่ให้นักกีฬาและเจ้าหน้าที่ทีมทั้งสองทีมทะเลาะวิวาทกัน ต่อมาในนาทีที่ 90+28 ทีมงานผู้ตัดสินได้ข้อสรุปว่าเหตุการณ์ ผู้รักษาประตูหมายเลข 24 กิตติศักดิ์ หมู่สวัสดิ์ สโมสรลำปาง เอฟซี ได้กระทำฟาวล์ผู้เล่นหมายเลข 27 อาทิตย์ พรหมขันธ์ สโมสรแพร่ ยูไนเต็ด ก่อน จึงให้สโมสร แพร่ ยูไนเต็ด ได้เริ่มเล่น ณ จุดที่กระทำผิด ผู้ตัดสินจึงได้เรียกหัวหน้าทีมทั้งสองทีมมารับทราบการตัดสิน และให้นักกีฬากลับลงสนามเพื่อแข่งขันต่อ ผู้เล่นสโมสรแพร่ ยูไนเต็ด ลงสนามพร้อมแข่งขันต่อ แต่นายวิทยา ดงใหญ่ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมลำปาง เอฟซี ได้เรียกนักกีฬาทีมลำปาง เอฟซี ให้มารวมตัวที่ข้างสนาม และนักกีฬาทีมลำปาง เอฟซี ได้ทะยอยเดินออกจากสนามแข่งขันมาที่บริเวณข้างสนามหน้าเขตเทคนิคของทีมตนเองไม่ยอมลงสนามแข่งขันต่อ เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับการตัดสิน จึงไม่สามารถเริ่มการแข่งขันได้ ในนาทีที่ 90+37

ผู้ตัดสินเดินไปที่กลางสนามและเรียกให้นักกีฬาทีมลำปาง เอฟซี ลงสนามแข่งขันต่อ เป็นครั้งที่สอง ประกอบกับ ผู้ควบคุมการแข่งขัน ก็ได้คุยกับนายวิทยา ดงใหญ่ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมลำปาง เอฟซี เพื่อบอกให้นักกีฬาลงแข่งขัน แต่ยังไม่เป็นผล นาทีที่ 90+44 ผู้ควบคุมการแข่งขัน จึงแจ้งกับเจ้าหน้าที่ทีมลำปาง เอฟซี จะจับเวลา 15 นาที หากครบเวลาแล้วนักกีฬายังไม่ลงสนามเพื่อแข่งขันต่อ ผู้ตัดสินเป่ายุติการแข่งขันและเขียนรายงานให้คณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาทฯ พิจารณาต่อไป

เวลาล่วงเลยไปจนถึงนาทีที่ 90+61 นายวิทยา ดงใหญ่ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมลำปาง เอฟซี แจ้งว่าจะแข่งขันต่อ แต่เนื่องจากกองเชียร์ทีมลำปาง เอฟซี ไม่พอใจการตัดสินของผู้ตัดสิน จึงขอเวลาคุยทำความเข้าใจกับกองเชียร์ทีมลำปาง เอฟซี และขอความร่วมมือกองเชียร์ไม่ก่อเหตุการณ์ต่าง ๆ เพื่อให้การแข่งขันจบลงด้วยดี และให้ผู้เล่นสโมสรลำปาง เอฟซี ทยอยลงสนามแข่งขัน ต่อไปจนจบการแข่งขัน ในนาทีที่ 90+65

#การพิจารณาลงโทษเหตุการณ์หยุดการแข่งขัน

คณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาทฯ ได้พิจารณาจากรายงานผู้ควบคุมการแข่งขัน ภาพเหตุการณ์ และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้ควบคุมการแข่งขัน แล้วเห็นว่า การกระทำของนายวิทยา ดงใหญ่ หัวหน้าผู้ฝึกสอนสโมสรลำปาง เอฟซี ที่ได้เรียกนักกีฬาสโมสรลำปาง เอฟซี ให้มารวมตัวที่ข้างสนาม และนักกีฬาสโมสรลำปาง เอฟซี ได้ทยอยเดินออกจากสนามแข่งขันมาที่บริเวณข้างสนามหน้าเขตเทคนิคของทีมตนเองไม่ยอมลงสนามแข่งขันต่อ เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับการตัดสินนั้น เป็นเหตุให้การแข่งขันไม่สามารถเริ่มแข่งขันต่อได้ เป็นการเจตนาหยุดการแข่งขันของสโมสรลำปาง เอฟซี กระทบต่อภาพลักษณ์ของการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพฯ จนกระทั่งผู้ควบคุมการแข่งขันต้องมีการแจ้งเตือนอยู่หลายครั้งถึงยอมลงทำการแข่งขันต่อ

จึงมีมติลงโทษนายวิทยา ดงใหญ่ หัวหน้าผู้ฝึกสอนสโมสรลำปาง เอฟซี ตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 2.9 ปรับเงิน 50,000 บาท แต่เนื่องจากเป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการไทยลีก 2 จึงลงโทษปรับสองในสาม ปรับเงิน 33,333 บาท และลงโทษสโมสรลำปาง เอฟซี มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 3.8 ปรับเงิน 50,000 บาท แต่เนื่องจากเป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการไทยลีก 2 จึงลงโทษปรับสองในสาม ปรับเงิน 33,333 บาท และต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหาย (ถ้ามี)

นอกจากนี้ คณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาทฯ ได้มีมติให้ส่งหนังสือถึงคณะกรรมการประเมินผลการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ตัดสิน และคณะกรรมการผู้ควบคุมการแข่งขัน เพื่อพิจารณาการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่การแข่งขัน เกี่ยวข้องกับการควบคุมและการบริหารเวลาจัดการแข่งขันว่ามีความบกพร่องอย่างไรหรือไม่ ส่งให้กับคณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาทฯ พิจารณาต่อไป

ทั้งนี้ ประธานคณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาทฯ และคณะกรรมการทุกท่าน เห็นว่าภาพเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายกันกลางสนามฟุตบอลเป็นเรื่องที่รุนแรง และกระทบต่อภาพลักษณ์ของวงการฟุตบอลไทยเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้น ไม่ว่าทีมใดก็ตาม ถ้ามีเหตุการณ์ดังกล่าวอีก คณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาทฯ จะพิจารณาลงโทษขั้นรุนแรงและสูงสุดตามระเบียบที่วางไว้ เพื่อให้ทุกทีมให้ความสำคัญร่วมกันช่วยกันห้ามปรามพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมนี้ร่วมกันต่อไป

ที่มา: soccersuck

ความคิดเห็น

ความคิดเห็น

จำนวนคนดู: