ฟอร์มที่ดีที่สุดของ “ราฟินญ่า” พาบาร์ซ่ายำใหญ่บายาโดลิด
#SSxLaLiga | สไตล์การเล่นของบาร์เซโลน่า ภายใต้การคุมทีมของฮันซี่ ฟลิค ที่มีความดุดัน และกล้าที่จะเล่นเกมรุก ทำให้นักเตะบางคนกลับมามีฟอร์มการเล่นที่ดีอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งราฟินญ่า คือหนึ่งในนั้น
ศึกลาลีกา สเปน แมตช์เดย์ที่ 4 ของฤดูกาล เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา บาร์เซโลน่า เปิดถิ่นเอสตาดี้ โอลิมปิก ถล่มเรอัล บายาโดลิด 7 – 0 ทำให้บาร์ซ่าเป็นทีมเดียวที่เก็บ 12 คะแนนเต็ม และยิงไปถึง 13 ประตู
การคว้าชัยเหนือบายาโดลิดในแมตช์ล่าสุด ถือเป็นชัยชนะที่ขาดลอยที่สุดในลาลีกาของอาซุลกราน่าในรอบกว่า 8 ปี นับตั้งแต่แมตช์ที่บุกไปถล่มเดปอร์ติโบ ลา คอรุนญ่า 8 – 0 เมื่อเดือนเมษายน 2016
ซึ่งผู้เล่นคีย์แมนสำคัญที่อยู่เบื้องหลังชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของบาร์ซ่า คือ ราฟินญ่า ปีกทีมชาติบราซิล วัย 27 ปี ที่ยิงแฮตทริกแรกในชีวิตการค้าแช้งระดับอาชีพ และแอสซิสต์ให้เพื่อนทำประตูปิดท้ายให้กับทีม
เริ่มจากประตูขึ้นนำ 1 – 0 ในนาทีที่ 20 เปา คูบาร์ซี่ แนวรับดาวรุ่ง โยนบอลยาว ราฟินญ่าวิ่งทำทางขึ้นไป แล้วใช้อกพักบอล 1 จังหวะ ก่อนจิ้มบอลด้วยปลายเท้าซ้ายผ่านนายทวารบายาโดลิดเข้าประตูไป
และในครึ่งหลัง คือช่วงเวลาอันร้อนแรงของราฟินญ่า เมื่อยิงเพิ่มอีก 2 ประตู จากการจ่ายบอลของโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ และลามีน ยามาล ตามลำดับ ก่อนแอสซิสต์ให้เฟร์ราน ตอร์เรส ยิงประตูที่ 7 ของเกม
ตำแหน่งการเล่นของราฟินญ่า จะอยู่ทางฝั่งซ้ายโดยส่วนใหญ่ แต่ก็มีอิสระในการเข้ามาเล่นพื้นที่ตรงกลาง อยู่ใกล้กับแนวรุกคนอื่นๆ ของทีมในบริเวณกรอบเขตโทษ เพื่อให้นักเตะเหล่านั้นเข้าไปลุ้นยิงประตู
หลังเกมกับบายาโดลิด ราฟินญ่า เปิดใจว่า “ผมรู้ว่าซีซั่นนี้สำคัญมากสำหรับผม และพยายามที่จะทำผลงานให้ดี แฮตทริกแรกในระดับอาชีพ และช่วยให้เพื่อนร่วมทีมทำประตูได้ มันคือแมตช์ที่ดีสุดในชีวิต”
ผลงาน 3 ประตู 2 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 4 เกมแรก คือการออกสตาร์ทฤดูกาลใหม่ที่ยอดเยี่ยมสุดๆ ของราฟินญ่า ทั้งๆ ที่เมื่อซีซั่นที่แล้ว กว่าที่ตัวเขาจะทำได้ 3 ประตู ต้องรอถึงเดือนธันวาคมเลยทีเดียว
หลังผ่านพ้นโปรแกรมทีมชาติ บาร์เซโลน่า จะทำศึกดาร์บี้แมตช์แห่งคาตาลัน ในการบุกไปเยือนจีโรน่า ซึ่งราฟินญ่า และเพื่อนร่วมทีมของเขา จะได้โอกาสชำระแค้นจากความพ่ายแพ้ทั้ง 2 เกม เมื่อซีซั่นที่แล้ว
ด้วยรายละเอียดในด้านแท็กติกที่แตกต่างกันเพียงเล็กน้อยจากยุคของชาบี้ เอร์นานเดซ สู่ยุคของฮันซี่ ฟลิค ช่วยให้บาร์เซโลน่าสามารถสร้างความแตกต่างอย่างไม่น่าเชื่อ และได้ผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ในที่สุด
ที่มา: soccersuck