เกมเยอะเกิน! ‘โรดรี้’ เตือนใกล้ถึงจุดนักเตะสไตรค์ไม่ลงเล่น
โรดรี้ กองกลางของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เชื่อว่าใกล้ถึงจุดที่นักเตะระดับท็อปจะสไตรค์หยุดลงสนาม เนื่องจากตารางแข่งขันในปัจจุบันมีเกมให้เล่นเยอะเกิน
ฤดูกาลนี้ แมนฯ ซิตี้ อาจลงเอยด้วยการต้องเล่นมากถึง 75 เกมเนื่องจากแชมเปี้ยนส์ลีกรูปแบบใหม่ รวมถึงศึกชิงแชมป์สโมสรโลกโฉมใหม่ในซัมเมอร์หน้า นอกจากนี้ถ้ารวมเกมทีมชาติด้วยนักเตะบางรายอาจต้องเล่นถึง 85 นัด
ดาวเตะวัย 28 ปีอยากให้ใครสักคนหาทางจัดการปัญหาจำนวนเกมที่มากเกินไป และยอมรับว่านักฟุตบอลอาจไม่มีทางเลือกนอกจากสไตรค์หยุดเล่น
“ผมคิดว่าเราใกล้จะถึงจุดนั้นแล้วล่ะ” โรดรี้ ให้สัมภาษณ์ก่อนเกมพบกับ อินเตอร์ มิลาน ในแชมเปี้ยนส์ลีก
“ไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำความเข้าใจ ถ้าคุณไปถามนักเตะคนอื่นพวกเขาก็จะตอบแบบเดียวกัน ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ความเห็นของผมหรือใครก็ตามแต่ ผมคิดว่านี่คือความเห็นส่วนใหญ่ของนักเตะ”
“ถ้าหากมันยังเป็นแบบนี้ต่อไป ก็จะถึงจุดที่เราไม่มีทางเลือก ผมคิดแบบนั้นจริงๆ มันเป็นสิ่งที่เรากังวลเพราะเราคือคนที่ต้องทนกับมัน”
โรดรี้ เล่นไป 63 นัดให้กับสโมสรและทีมชาติในฤดูกาลก่อน นอกจากนี้ยังเล่นไป 68 นัดในซีซั่น 2022-23 แต่ตัวเขารู้สึกว่าจำนวนเกมที่เหมาะสมอยู่ที่ประมาณ 40-50 นัด
“จากประสบการณ์ของผมแล้วผมบอกได้เลยว่า 60-70 เกมน่ะไม่เหมาะสมหรอก 40-50 เกมต่อซีซั่นคือจำนวนที่นักเตะจะโชว์ฟอร์มในระดับท็อปได้ พอมากกว่านั้นฟอร์มก็จะดร็อปลงเพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่จะรักษาฟอร์มในระดับท็อปเอาไว้”
“ปีนี้เราอาจลงเล่นมากถึง 70 นัด หรืออาจจะ 80 นัดขึ้นอยู่กับเราผ่านเข้ารอบลึกขนาดไหนในแต่ละรายการ ตามความเห็นของผมแล้วมันมากเกินไป ผมว่าเราต้องดูแลตัวเราเอง ใครสักคนต้องดูแลเราเพราะเขาคือคาแร็คเตอร์หลักของกีฬานี้หรือธุรกิจนี้หรือคุณจะเรียกอะไรก็ตามแต่”
“เงินหรือมาร์เก็ตติ้งไม่ใช่ทุกสิ่ง มันต้องดูคุณภาพของเกมด้วย ผมเล่นดีกว่าในเวลาที่ไม่เหนื่อยล้าและถ้าคนอยากจะเห็นฟุตบอลที่ดีกว่า ผมว่าเราก็ต้องได้พัก”
“เมื่อจำนวนเกมที่ลงสนามมันเพิ่มขึ้นไม่หยุด ผลงานและคุณภาพก็จะดร็อปลงไปเรื่อยๆ รอดูแล้วกันว่าฟุตบอลจะเป็นอย่างไร ผมอยากให้มีเกมลงสนามน้อยกว่านี้เพื่อฟุตบอลที่มีคุณภาพมากขึ้นสำหรับผู้ชม”
โรดรี้ ถูกคาดหมายว่าจะได้ออกสตาร์ทเกมแรกให้ แมนฯ ซิตี้ ของฤดูกาลนี้เมื่อ อินเตอร์ เดินทางมาเยือนพวกเขา หลังฟื้นตัวกลับมาจากอาการเจ็บที่เกิดขึ้นจากการช่วย สเปน คว้าแชมป์ยูโร
ที่มา: soccersuck