‘แอมเนสตี้’ ซัด ‘ฟีฟ่า’ ฟอกขาวให้ซาอุฯ
แอมเนสตี้ องค์กรสิทธิมนุษยชนออกมาโจมตี ฟีฟ่า ในการฟอกขาวให้กับ ซาอุดีอาระเบีย เพื่อได้รับสิทธิ์เป็นเจ้าภาพจัดฟุตบอลโลก 2034
ฟีฟ่า ได้ให้คะแนน ซาอุดีอาระเบีย เป็นสถิติใหม่ในการประเมินความเหมาะสมในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันมหกรรมฟุตบอล โดยระบุว่าการแข่งขันครั้งนี้มีความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนในระดับ “ปานกลาง”
การรับรองของ ฟีฟ่า จะเป็นการปูทางให้ ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นประเทศเดียวที่เสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันในปี 2034 ได้รับการรับรองในวันที่ 11 ธันวาคม
แต่การกระทำดังกล่าวได้ก่อให้เกิดความไม่พอใจเกิดขึ้น โดย แอมเนสตี้ องค์กรนักสิทธิมนุษยชน ได้ประณามการกระทำดังกล่าวว่าเป็นการปกปิดความผิดอันน่าสะเทือนใจ
โฆษกของแอมเนสตี้กล่าวว่า “ในทุกขั้นตอนของกระบวนการ ฟีฟ่า ได้ให้คำมั่นว่าจะไม่มีอะไรมาขัดขวางการที่ ซาอุดีอาระเบีย จะได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2034 และ ซาอุดีอาระเบีย ได้ละทิ้งนโยบายด้านสิทธิมนุษยชนอย่างมีประสิทธิผลเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้”
“หากไม่มีการปฏิรูปสิทธิมนุษยชนครั้งใหญ่ ผู้คนจะถูกเอารัดเอาเปรียบ ถูกขับไล่ออกจากบ้านเรือน และอาจถึงขั้นมีผู้เสียชีวิตได้”
ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ฟีฟ่า ได้รับสปอนเซอร์มูลค่า 300 ล้านปอนด์จากบริษัทน้ำมันของรัฐบาลซาอุดิอาระเบียอย่าง Aramco ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นบริษัทที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดในโลก
ซาอุดิอาระเบีย ได้รับการจัดเรตติ้ง “เสี่ยงปานกลาง” ในด้านสิทธิมนุษยชนจาก ฟีฟ่า แม้จะมีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงการละเมิดสิทธิสตรี, การกีดกันการรักร่วมเพศ และบทบาทของการรักร่วมเพศในคดีฆาตกรรม จามาล คาช็อกกี นักข่าวเมื่อปี 2018 ก็ตาม
รายงานของ ฟีฟ่า ระบุว่า “ซาอุดีอาระเบีย มีศักยภาพที่ดีที่การแข่งขันครั้งนี้จะเป็นตัวเร่งให้เกิดการปฏิรูปบางอย่างที่กำลังดำเนินอยู่และในอนาคต และมีส่วนสนับสนุนผลลัพธ์ด้านสิทธิมนุษยชนในเชิงบวก”
ที่มา: soccersuck