คาร์ร่าหนุน ‘แรชฟอร์ด’ คว้ารางวัลแข้งยอดเยี่ยมเหนือ ‘ฮาลันด์’
เจมี่ คาร์ราเกอร์ ตำนาน ลิเวอร์พูล มองว่า มาร์คัส แรชฟอร์ด ควรได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของพรีเมียร์ลีก เหนือดาวยิงตีนระเบิดอย่าง เออร์ลิ่ง ฮาลันด์
ซีซั่นนี้ แรชฟอร์ด มีฟอร์มการเล่นที่ดีที่สุดในเส้นทางอาชีพ โดยทำไปแล้ว 24 ประตูกับ 9 แอสซิสต์จาก 37 นัดที่ลงเล่นบนทุกรายการ และหากนับเฉพาะหลังจบฟุตบอลโลก แข้งวัย 25 ก็ซัดไปแล้วถึง 16 ประตูเลยทีเดียว
ขณะที่ ฮาลันด์ ก็โชว์ผลงานได้ยอดเยี่ยมทันทีที่ย้ายจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ มาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา โดยทำไปแล้ว 26 ประตูกับ 4 แอสซิสต์จาก 23 เกมบนพรีเมียร์ลีก
แม้ ฮาลันด์ จะมีสถิติที่ดีกว่าแต่ คาร์ราเกอร์ มองว่า แรชฟอร์ด คู่ควรกับตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมมากกว่า จากอิทธิพลโดยรวมที่มีต่อทีม
“หลีกไปเลย เออร์ลิ่ง ฮาลันด์, มาร์คัส แรชฟอร์ด กำลังทำผลงานได้อย่างกองหน้าที่สมบูรณ์แบบบนพรีเมียร์ลีก หากมีการโหวตกันในสัปดาห์นี้ กองหน้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องได้รับเสียงสนับสนุนจากเพื่อนร่วมอาชีพมากที่สุดอย่างแน่นอน” เขากล่าวกับ
The Telegraph
“ฮาลันด์ ทำผลงานได้ทันทีหลังย้ายมาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และยังคงอยู่ในเส้นทางลุ้นรางวัลรองเท้าทองคำ แต่ฟอร์มการเล่นของ แรชฟอร์ด ภายใต้ เอริก เทน ฮาก ยกระดับเกมของเขาขึ้นไปอีกขั้น”
“ผลงานอันครบเครื่องของเขาในซีซั่นนี้เหนือกว่า ฮาลันด์ เพราะ ยูไนเต็ด ถูกวางมาให้รีดความสามารถของเขา ฮาลันด์ เป็นตัวทำประตูที่เฉียบคมในทีมซึ่งได้รับประโยชน์จากความสามารถในการจบสกอร์ของเขา แต่ยังไม่อาจใช้ประโยชน์จากทุกด้านในเกมของเขา อย่างความเร็วและร่างกายที่แข็งแกร่งยามอยู่นอกกรอบเขตโทษได้”
“เมื่อ ฮาลันด์ ทำประตูไม่ได้, ซึ่งโชคดีสำหรับ ซิตี้ ที่มันไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ, เขาก็ทำอะไรให้ทีมไม่ค่อยได้ตลอด 90 นาที เขาเป็นตัวทำประตูชั้นยอดที่ต้องยกระดับให้เป็นยอดนักเตะที่ทำประตูได้ หากคุณหยุดคนป้อน ฮาลันด์ ได้, ซึ่งเป็นเรื่องที่พูดได้ง่ายกว่าทำ, เขาก็จะหมดพิษสง ซิตี้ ต้องพัฒนาเรื่องการประสานงานในสนาม”
“ผมไม่อาจพูดถึง แรชฟอร์ด ในแบบเดียวกันได้เลย เขามีทั้งความเร็วและการเคลื่อนไหว ซึ่งเป็นจุดโฟกัสในเกมรุกของ ยูไนเต็ด ตอนนี้เขาคือยอดนักเตะที่ทำประตูได้ แรชฟอร์ด ส่งบอลใน 24 นัดที่ลงเล่นบนพรีเมียร์ลีก มากกว่า ฮาลันด์ ที่เล่นไป 23 นัด กว่า 200 ครั้ง มันบ่งชี้ถึงความแตกต่างในการประสานงานกับเพื่อนร่วมทีม”
ที่มา: soccersuck