ยุติวลี “ถังขี้” ผี best creator

แคแรคเตอร์ “นักสู้” ที่เชื่อว่าจะกลับมาได้เสมอและการเปลี่ยนตัวที่อิมแพคต่อรูปเกมเกือบทุกนัดของ เอริค เทน ฮาก เป็นกุญแจที่พา แมนฯยูฯ พลิกแซง บาร์เซโลน่า 2-1 เข้ารอบ 16 ทีมยูโรป้าลีก

ทั้ง 2 คุณสมบัติที่ว่านี้ทำให้ผมซึ่งไม่ใช่แฟน “ปีศาจแดง” ยังรู้สึกว่าเดี๋ยวต้องมีอะไรแม้กระทั่งตอนที่ “ต่างดาว” ได้จุดโทษขึ้นนำตั้งแต่นาทีที่ 18

การพลิกสถานการณ์ตามหลังแล้วไม่แพ้หรือพลิกชนะของ แมนฯยูฯ เกิดขึ้นบ่อยจนเรามองเป็นเรื่องหาเช้ากินค่ำไปแล้ว กลิ่นอายฟีลลิ่งยุคเซอร์เฟอร์กี้แตะจมูกมาแต่ไกล

การแพ้ เบรนท์ฟอร์ด 4-0 เมื่อเดือนสิงหาคมจนถูกพาดหัวข่าว “ระเบิดถังขี้” เป็นภาพจำสุดท้ายกับฟอร์มห่วยๆ ที่บัดนี้ผ่านมาครึ่งปี “ถังขี้” แปรเปลี่ยนเป็น “รถถัง”

ช่วงเวลาแย่ๆของ ยูไนเต็ด หลังถูก บาร์ซ่าขึ้นนำ 1-0 เป็นอะไรที่วัดใจวัดกึ๋นสุดๆครับ

บอลตามหลังเกิดภาวะร้อนใจอยากเอาคืนดังนั้นในแต่ละครั้งที่แข้งเจ้าถิ่นเข้าบอลและผู้ตัดสินเป่าให้ บาร์ซ่า ทุกคนหัวเสียส่งผลต่อเนื่องไปยังแผนการเล่นที่วางไว้ในครึ่งแรก

ก่อนพักครึ่ง ยูไนเต็ด ดวงยังไม่ถึงฆาตตามแค่ลูกเดียวหลัง เด เกอา สานต่อเทรนด์ผู้รักษาประตู “เหวอ ” ด้วยการออกบอลแป๊กในเขตโทษแต่สวรรค์มีตาไม่เสียหายเหมือน กูร์ตัวร์ส หรือ อลิสซอน

จุดนี้สำคัญจริงๆครับเพราะครึ่งแรก บาร์ซ่า หลังนำ 1-0 พวกเขาเป็นฝ่ายควบคุมการเล่นเอาไว้ได้เกือบทั้งหมด

การรุมกินโต๊ะใส่นักเตะ ยูไนเต็ด ตั้งแต่แดนบนทำให้ทิศทางการออกบอลเอามาเล่นต่อยากมาก ไลน์แนวรับสูงเกือบครึ่งสนามของ “บุญโยก” หายใจรดต้นคอรอดักกินสบายๆอยู่แล้ว

การได้ประตูตีเสมอไวตั้งแต่ยังไม่ถึง 2 นาทีอาจจะไม่เกี่ยวกับการเปลี่ยนตัวของ ETH เพราะเกิดจากความขยันของ ลุค ชอว์ จนไปจบที่การยิงด้วยเท้าขวาของ เฟรด

แต่กลับส่งผลดีชัดเจนเมื่อการส่ง แอนโทนี่ ลงมาแทน เวกฮอร์สต์ ทำให้วิธีการเล่นเพรสและดันไลน์แนวรับสูงของ บาร์ซ่า หากินไม่ได้แบบเก่า

การหุบ แรชฟอร์ด มายืนเป็นหน้าเป้า และ แอน ยืนขวา พื้นที่โล่งๆเหมาะกับพวกสายสปีดอย่างแท้จริง direct บอลยาวได้ทั้ง 2 ฝั่งของสนาม

กล่าวคือไม่ต้องมาเสียเวลาจากการพักบอลของ เวกฮอร์สต์ ที่ต้องหันหลังเล่นสู้กับตัวประกบจนเกมไมคืบหน้าแบบครึ่งแรก

“ปีศาจแดง” พาบอลเข้ามาอยู่ในแดนสุดท้ายและในเขตโทษเยอะกว่า บาร์ซ่า เยอะมาก

ว่ากันตามตรงฝั่งทีมเยือนแทบไม่มีโอกาสอะไรเลยในครึ่งหลัง ที่ใกล้เคียงกับประตูสุดเป็นลูกโหม่งของ คุนเด้ ที่ “ลามะ” บินเซฟแค่นั้นเอง

ตรงริมเส้น 2 ข้างไม่มีอะไรหวือหวา ทั้ง เซอร์กี้ โรแบร์โต้ หรือ ราฟินญ่า พวกแบ็คอย่าง คุนเด้ หรือ บัลเด้ ยังมีประโยชน์ในเกมรุกกว่าด้วยซ้ำ

ที่น่าตลกคือประตู 2-1 ของ ยูไนเต็ด มาจากฝั่งแบ็คขวา (คุนเด้) เหมือนลูกแรกและเป็นความขยันของ บรูโน่ ที่ชวนทะเลาะแย่งกับ ราฟินญ่า จนกระทั่งจังหวะยิงหนที่ 3 (ต่อเนื่อง) เป็นการเช็กบิลที่สุดเฉียบขาดของ แอนโทนี่

การมีอยู่ของ การ์นาโช่ ที่ลงมาแทน ซานโช่ ที่ดูเงียบๆ (อีกแล้ว) ทำให้จังหวะสวนกลับเผาเวลาของเจ้าถิ่นยิ่งเข้าทาง ขนาด “จ๊ะเอ๋” บุสเกตส์ ยังเอาไม่อยู่ต้องพลีชีพล็อกคอเรียกใบเหลือง

ฟอร์มอันสม่ำเสมอและแพ้ยากของ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลนี้เป็น demand ที่ “แมทช์” กันอย่างลงตัวทั้งกึ๋นของผู้จัดการทีมและมาตรฐานของผู้เล่นที่มีการขีดเส้น “ขั้นต่ำ” เอาไว้

นักเตะที่เล่นราวกับนักเตะดาดๆหลายคน react กับเป้าหมายที่สูงขึ้นของสโมสรที่ยกระดับโดย ETH โดยที่เราต้องไม่ลืมว่า ยูไนเต็ด ยังไม่ได้เสริมทัพในตำแหน่งที่ต้องการด้วยซ้ำ

โดยส่วนตัวเมื่อมีโอกาสดู เฟรนกี้ เดอ ยอง เล่นผมชอบจ้องดูแกเป็นพิเศษ ตำแหน่งโฮลดิ้งที่ได้ทั้งเชื่อมหลังกับหน้าหรือบางจังหวะสามารถพาทะลวงขึ้นมาเองได้

เป็นคนเล่นฉลาด มีความละเมียดละไมกับบอล เทคนิคพลิกบอลกับสถานการณ์ “หลังเข้า” ดูแล้วศึกษาเลียนแบบเอาไปเล่นกับเพื่อนได้เลย

ไม่แปลกใจเลยทำไม เทน ฮาก ถึงอยากได้มาร่วมทีมใจจะขาด คลาสบอลของ เด ยอง ยกระดับพลิกโฉม “ปีศาจแดง” ได้พรวดพราดแน่นอนครับ

ผมเชื่อว่าถ้าได้ตั๋วไป UCL และตื้อหนักๆซัมเมอร์อีกซักรอบ การโยกจากเวที ลา ลีกามาพรีเมียร์ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางเกิดขึ้น

นั่นเป็นเรื่องของอนาคตที่ยังไกลตัวแต่ ณ ตอนนี้การโค่นทีมที่แพ้ทางอย่าง บาร์เซโลน่า ได้สดๆร้อนๆ

และยังอยู่ครบทั้ง 4 รายการก่อนบุก เวมบลีย์ ในวันอาทิตย์นี้เป็นช่วงเวลาหัวใจพองโตของสาวกเร้ดอาร์มี่อย่างแท้จริง

ครับเมื่อวานเกิดดราม่าในโลกโซเชี่ยลกับรางวัล Best Creator ที่สังคมเหมือนจะไม่ยอมรับ

แต่ Best Creator ของฟุตบอลถ้า ณ เวลานี้จะยกให้ แมนฯยูฯ ผมเชื่อว่าทุกคนเห็นด้วยเป็นเอกฉันท์แน่นอนครับ…

สถิติ สถิติ สถิติ

แมนฯยูไนเต็ด เอาชนะ บาร์เซโลน่า ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เมษายน 2008 ยุติไร้ชัยต่อทีม “ต่างดาว” ไว้ที่ 5 นัด

หลังแพ้ 2 จาก 4 เกมแรกในบ้าน (รวมทุกรายการ) แมนฯยูฯ ก็จัดสถิติไร้พ่ายมาต่อเนื่องถึง 18 นัด (ชนะ 16 เสมอ 2) ตอกย้ำความดุดันใน โอลด์แทรฟฟอร์ด ซีซั่นนี้ได้เป็นอย่างดี

แมนฯยูฯ เป็นทีมแรกนับตั้งแต่ กรานาด้า เคยพลิกชนะ บาร์เซโลน่า หลังสกอร์ตามหลังในครึ่งแรก (เมษายน 2021) และที่เทพไปกว่านั้นคือ ยูไนเต็ด หยุดสถิติไร้พ่ายเมื่อนำคู่แข่งในครึ่งแรกของ “ต่างดาว” เอาไว้ที่ 37 นัด

จากประตูของ เฟร็ด ในวันนี้ทำให้แข้งแซมบ้ายิงได้มากที่สุดในสโมสร (5 ลูก) เป็นรองแค่ มาร์คัส แรชฟอร์ด (17) เพียงคนเดียวเท่านั้นในซีซั่นนี้

ในฤดูกาลนี้ “ปีศาจแดง” กอบโกยประตูจากเหล่าตัวสำรองมากถึง 19 ลูก (รวมทุกรายการ) นับเป็นทีมที่ทำสถิตินี้ไ้ดมากที่สุดใน 5 ลีกใหญ่ยุโรปประจำปี 2022-23

ซีซั่นนี้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ยิง 25 ประตูจากการลงสนามทั้งสิ้น 30 นัดในทุกรายการให้ บาร์เซโลน่า ทำให้ “เลวาน” ทำสถิติยิงประตูเกิน 25 ลูกเป็นฤดูกาลที่ 12 ติดต่อกันในอาชีพค้าแข้ง

ที่มา: soccersuck

ความคิดเห็น

ความคิดเห็น

จำนวนคนดู: