ลิเวอร์คอนเนคชั่น กรุยทางสิงโตชนไก่
“สิงโตคำราม” อังกฤษ ตบเท้าเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายง่ายดายเกินคาดหลังกด เซเนกัล 3-0 โดยมีอะไรหลายๆอย่างคล้ายในนัดเปิดสนามกับ อิหร่าน
ไม่ว่าจะเริ่มด้วยการถูกตามติดเข้าบอลหนัก, พอลูกแรกมาที่เหลือไหลนิ่มๆ ต่างกันตรงที่โดนยิงไม่ถึงครึ่งโหล
ในบอลโลกหนนี้ England time ยังทำงานของมันอย่างเถรตรงเมื่อประตูปลดล็อกในแต่ละนัดต้องเกิน 30 นาทีหรืออีกนัยนึงเป็นช่วงเวลาเครื่องจุดติดของ “สิงโตคำราม” (อิหร่าน นาที 35, เวลส์ นาที 50 และ เซเนกัล นาที 38)
ก่อนถึงช่วงเวลาปลดล็อก เซเนกัล เกือบได้เฮจากลูกฉาบฉวยหลัง อังกฤษ พลาดให้เห็นประปรายแต่ความเฉียบคมหน้าปากประตูทำให้ธรรมชาติคัดสรรผู้ชนะในที่สุดครับ
เด็กๆท่านเซอร์ แกเรธ เซาธ์เกท พยายามจับ tempo การเล่นของ เซเนกัล อยู่พักใหญ่ๆก่อนค้นพบว่าการเล่นบอลจังหวะเดียวเท่านั้นถึงจะสลัดการถูกเพรสและเปลี่ยนการขึ้นเกมเป็นแบบหันหน้าเล่นไม่ใช่หันหลัง
การเล่นเช่นนี้ต้องอาศัย movement ของเพื่อนร่วมทีมช่วยด้วยอีกแรงซึ่งในทีนี้ประตูแรกผมขอยกเครดิตให้ ฟิล โฟเด้น ที่ปลดล็อกทุกๆอย่าง
เป็นประตูที่มีอะไรให้พูดถึงเยอะเหลือเกิน….
โฟเด้น ถูกตามติดมาจากด้านหลังถ้าเลือกพิงหรือพักบอลไม่พ้นต้องคืนหลังมาเริ่มกันใหม่
แต่การสะกิดส้นครั้งเดียวนอกจากจะทำให้ตัวประกบหลงทิศตีรถเปล่า คนรับไม้ต่ออย่าง แฮร์รี่ เคน ได้บอลในลักษณะหันหน้าเล่นเนียนๆอีกด้วย
จังหวะนี้จังหวะเดียวฉิบหายวายวอดกันทั้งแผงหลัง เซเนกัล
แบ็คขวาที่ตาม โฟเด้น พรวดหายไปแล้ว คูลิบาลี่ ที่ตาม เคน มาถึงกลางสนามต้องผงะรีบถอยกลับไป cover เมื่อคนที่ใกล้ เคน ที่สุดวิ่งถอยคนอื่นๆบรรลัยต้องวิ่งตามด้วย
เป็นสิ่งที่ฝั่ง เซเนกัล เขาระวังจุดนี้ที่สุดแต่ก็ทำได้ไม่ตลอดรอดฝั่งและแน่นอนครับหลังบ้านเปิดช่องให้ จู๊ด เบลลิงแฮม วิ่งสอดโล่งมาก
ที่เหลือก็เป็นไปตามภาพที่เราเห็นพร้อมกันหน้าทีวี จู๊ด หลุดทะลุตบบอลให้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน tab in
เห็นการประสานงานของทั้ง 2 คนภาพ “ลิเวอร์พูล คอนเนคชั่น” แว่บเข้ามาในหัวเฉยและพอเห็นการดีใจปานจะกลืนกินแล้วยิ่งคิดดีไม่ได้เลย
แฟน “หงส์แดง” แค่เห็นอะไรแบบนี้ก็ฟินน้ำแตกทั้งๆที่ในโลกแห่งความเป็นจริงมีแนวโน้มว่าจะถูกขาใหญ่ดูดตัดหน้าค่อนข้างสูง
จะอะไรก็ตามที อาลิอู ซิสเซ่ กุนซือ เซเนกัล ไม่มีโอกาสปรับแท็คติกส์ลงมาสู้ใหม่ในครึ่งหลังจากการโดนประตูมรณะ 2-0 ช่วงทดเจ็บ (ที่เกินมาแล้วด้วย) ซึ่งอันที่จริงผู้ตัดสินควรเป่าจบไปแล้วแต่จังหวะดันต่อเนื่องซะก่อน
ด้วยความไม่เก๋าเกมหรือเห็นเวลากำลังหมดแล้วอาจเสียดายไม่อยากโดนใบเหลือง (เลยแค่ผลักให้เสียจังหวะ) จึงไม่มีผู้เล่น เซเนกัล คนไหนทำฟาว์ล เบลลิ่งแฮม ตรงกลางสนาม เป็นการจ่ายค่าประสบการณ์ที่แพงลิบลิ่วกันไป
การโคจรมาพบกันของ อังกฤษ และ ฝรั่งเศส เป็นมวยถูกคู่ที่เหล่าโปรโมเตอร์ต่างใฝ่ฝันจริงๆครับ
ทั้งระดับทีม, ฟอร์มการเล่นและชื่อชั้นนักเตะที่เราคุ้นเคยขบเหลี่ยมขี่กันสุดๆ ดังนั้นผลการแข่งขันแพ้ชนะเท่านั้นที่จะตัดสินว่า ณ นาทีนี้ใครควรไปต่อในรอบรองชนะเลิศ
การทะลึ่งพรวดร้อนแรงดังไฟเยอร์ของ “ปธ.เป้” คิลิยัน เอ็มบาปเป้ ที่ยิง 2 ประตูงามหยดย้อยชนะ โปแลนด์ กระตุ้นให้เกมบิ๊กแมทช์ครั้งนี้น่าจับตามองเหลือเกิน
โอลิวิเยร์ ชิรูด์ กองหน้าที่อายุปาเข้าไป 36 แต่ผมกลับมองว่าจะเป็นตัว key man ไม่แพ้ปธ.เป้ ในแง่ของลูกกลางอากาศและการวิ่งโฉบในกรอบ 6 หลาที่แนวรับ “สิงโต” จะถูกพิสูจน์ของจริงก็เกมนี้
วันเสาร์ที่ 10 ธันวาคม เวลา 02.00 น. เตรียมเหล้ายาปลาปิ้งเอาไว้ล่วงหน้าได้เลยครับ…
สถิติ สถิติ สถิติ
ฟิล โฟเด้น (22 ปี 190 วัน) เป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ทำ 2 แอสซิสต์ในฟุตบอลโลกรอบน็อกเอาท์นับตั้งแต่ โรนัลโด้ ทำไว้กับ บราซิล เมื่อปี 1998 (21 ปี 284 วัน)
จู๊ด เบลลิ่งแฮม (19 ปี 158 วัน) กลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่แอสซิสต์ในฟุตบอลโลกให้ทีมชาติอังกฤษ (นับตั้งแต่มีการเก็บสถิติเมื่อปี 1966)
นอกจากนี้แข้ง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ยังทำสถิติเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ออกสต๊าร์ตเป็นตัวจริงให้ทีมชาติ อังกฤษ ด้วยวัย 19 ปี 158 วันแทนที่ ไมเคิ่ล โอเว่น (18 ปี 198 วัน) ในเกมพบ อาร์เจนติน่า เมื่อปี 1998
ในวัย 32 ปีกับอีก 107 วัน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เป็นนักเตะอังกฤษอายุมากที่สุดที่ทำประตูในฟุตบอลโลกหลัง ทอม ฟินนีย์ (36 ปี 64 วัน)เคยทำไว้ในการพบกับ สหภาพโซเวียต (USSR) เมื่อปี 1958
ตอนนี้ แฮร์รี่ เคน ยิงให้ อังกฤษ ไปแล้ว 11 ประตูในทัวร์นาเมนท์หลัก (บอลโลก 7 ลูก, ยูโร 4) แซงหน้า แกรี่ ลินิเกอร์ (10) ที่เคยยึดดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลใน 2 เวทีที่ว่านี้
อังกฤษ ยิง 12 ประตูใน 4 เกมในศึกฟุตบอลโลกหนนี้ส่งผลทำให้ “สิงโตคำราม” ยิงประตูมากที่สุดในทัวร์นาเมนท์หลัก (ยูโร, บอลโลก) เทียบเท่า 12 ประตูที่พวกเขาเคยทำไว้ในฟุตบอลโลก 2018
ในวัย 23 ปี 349 วัน คิลิอัน เอ็มบาปเป้ เป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่เข้ารอบน็อกเอาท์ฟุตบอลโลกถึง 5 ครั้งนับตั้งแต่ที่ เปเล่ เคยทำไว้เมื่อปี 1958 (17 ปี 249 วัน)
ปธ.เป้ ยิง 5 ประตูใน 4 เกมในฟุตบอลโลก 2022 แซงหน้าประตูทั้งหมดที่เจ้าตัวเคยทำไว้เมื่อปี 2018 เรียบร้อยแล้ว (4 ประตูจาก 7 เกม)
โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ยิงประตูที่ 52 ให้ทีมชาติ ฝรั่งเศส ปาดหน้า เธียร์รี่ อองรี กลายเป็นดาวซัลโวสูงสุดของทีม “ตราไก่” เรียบร้อยแล้ว
ฮูโก้ โญริส กลายเป็นนักเตะที่ลงเล่นให้ทีมชาติ ฝรั่งเศส มากที่สุดเท่ากับ ลิลิยง ตูราม (142 เกม) และยังครองสถิติเล่นในบอลโลกมากที่สุด 17 นัดร่วมกับ อองรี และ ฟาเบียง บาเตซ
ที่มา: soccersuck