หมูในอวย บอลคนละชั้น
ขออภัยแฟน ลิเวอร์พูล ทุกคนจริงๆครับหากเราจะบอกว่าความพ่ายแพ้เละเทะ 4-1 มันไม่ได้ต่างจากทีมปลาซิวปลาสร้อยในสายตา แมนฯซิตี้ ที่เคยสอนบอลมาก่อนหน้านี้
แตกต่างกันตรงที่ “หงส์แดง” ซึ่งมีต้นทุนมากกว่าทีมเล็กๆแต่ใจกลับไม่ใหญ่ตามศักยภาพของสโมสรเลยให้ตายสิ
โอเค รูปเกมในวันนี้มันชัดเจนว่าบอลคนละชั้น พยายามให้ตายแค่ไหนความพยายามก็อยู่แค่นั้น
แต่ทว่าบอลโดนนำแค่ลูกเดียว ภาษากายเห็นได้ชัดเลยว่ากูยอมแล้ว มันไม่ควรเกิดขึ้นกับทีมเรตระดับนี้
ภาพที่ กรีลิช ซึ่งถูกถอดออกไปพักนั่งหัวเราะต่อกระซิกกับตัวสำรองเป็นอะไรที่เจ็บปวดไม่น้อยสำหรับชาวหงส์ที่ครั้งนึงเคยขับเคี่ยวน้ำลายเหนียวคอทุกปี
ครับร้อยทั้งร้อย เดอะ ค็อป ไม่ได้คาดหวังอะไรกับเกมนี้อยู่แล้วหากมองถึงความห่วยของลูกทีม JK ที่พวกเราตามด่าเรื่องเดิมๆกันมาตลอดในฤดูกาลนี้
คิดง่ายๆทีมระดับ “บ๊วย” การเล่นมั่วซั่วยังไม่รอดกลับมา การโดนโคตรทีมอย่าง “เรือใบ” กดแค่ 4 ลูกนี่ก็อยากขอบคุณมากๆด้วยซ้ำ
ผมถึงฟันธงให้ ซิตี้ ชนะขาดแบบไม่ลังเล 4-0 ไม่ได้มองว่าจะเป็ยบอลพลิกหรือเกิดปาฏิหาริย์อาเพศใดๆกับทีมชุดนี้เลย
คือรู้ตั้งแต่อยู่ในมุ้งแล้ว สภาพ ณ ตอนนี้โดยเฉพาะเกมเยือนที่ก่อนหน้านี้แพ้ถึง 7 จาก 14 นัดและชนะแค่ 3
แนวทางการเล่นและสภาพของผู้เล่น ลิเวอร์พูล ในฤดูกาลนี้ไม่ต่างอะไรกับกล่องพัสดุที่แปะคำว่า “fragile” มีความอ่อนโยนต่อจุดซ่อนเร้น
ลำพังแค่ยืนตามตำแหน่งตัวเองยังโดนชาวบ้านชาวช่องเจาะง่ายๆแล้วนับประสาอะไรกับการ “เพรส” หลุดตำแหน่ง พอตัวซ้อนมาช่วย cover หลุดตามๆกัน
ดังลูก 1-1 และ 2-1 แบ็คขวาและซ้ายคือ TAA กับ โรเบิร์ตสัน เพรสลมบอลหลุดมาเป็นประตูทุกลูก
ที่ทุเรศทุรังน่าอายมากคือประตู 3-1 มีนักเตะอุดหน้าประตู 8-9 ตัวแต่พวกพรี่ๆเข้าบอลเหยาะแหยะ, อืดอาด, ไปรุมเขาที 3-4 ตัวเหมือนบอลหญิง
สุดท้ายไม่เจอบอลแถมโดนยิงหยามน้ำหน้าในเขตโทษราวกับเตะบอลโต๊ะเล็ก
Energy และพลังงานของนักเตะ ลิเวอร์พูล เป็นตัวถ่วงความเจริญพอๆกับคุณภาพของนักเตะที่พร้อมใจกันดาว์นเกรดตัวเองลงมาแบบฮวบๆ
ผมคิดว่าลึกๆแล้ว เป๊ป กวาดิโอล่า อาจจะแอบตกใจอยู่ก็ได้ที่อริเก่าที่เคย respect ว่าเป็นคู่แข่งที่เล่นด้วยยากที่สุดเมื่อไม่กี่ปีก่อนมาอยู่ในสภาพแบบนี้
ในทางกลับกัน ซิตี้ ขาดดาวซัลโวและรองดาวซัลโวทั้ง ฮาลันด์ และ โฟเด้น แต่ class บอลไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย
กรีลิช, มาห์เรซ 2 ผู้เล่นริมเส้นแทบไม่เสียบอล การเข้าทำและสร้างโอกาสให้ทีมมาแทบทุกๆนาที
ตัวเลขสถิติช่วยฟ้องอีกแรงกับโอกาสยิงทั้งเกม 17 ครั้งของ ซิตี้ในขณะที่ทีมเยือนมีแค่ 4 และเข้ากรอบแค่หนเดียวของ โม ซาลาห์
แมนฯซิตี้ ดูดีกว่าทุกแง่มุมแม้กระทั่งตอนโดนนำไปก่อน 1-0 ด้วยซ้ำ
ด้วยความที่กลางของ ลิเวอร์พูล ไม่สามารถทำอะไรกับบอลได้ การแกะเพรสหรือแค่เก็บบอลให้นิ่งจึงเลิกคิดไปได้เลย ภาระจึงตกมาอยู่กับแบ็คโฟว์ที่ต้องมองถึงการคืนหลังให้ อลิสซอน หรือไม่ก็โยนขึ้นหน้า
ฝั่งผู้เล่น ซิตี้ รู้อยู่แล้วครับ เขามอง “หงส์” ณ เวลานี้ไม่ต่างจากทีมเกรดล่างจึงโหมเพรสไม่หยุดหย่อนเพราะมั่นใจว่าเสียบอลกลับมาให้แน่นอน
การแก้เกมปรับแท็คติกส์ของ JK เป็นอีกจุดที่ไม่ใช่แค่เกมกับ ซิตี้ แต่เกิดขึ้นในหลายๆเกมที่แกมักไม่มีแผนสำรองใดๆ
การยึดติดอยู่แค่ 4-3-3 ในทุกๆสถานการณ์ มันไม่เหมาะและอันตรายมากเมื่อมองจากแดนกลางที่สภาพอิดโรย 2 คนและเด็กเน้นคืนหลังอีก 1
มันไม่ตอบโจทย์กับการยึดติดวิธีเล่นเก่าๆอีกแล้วแต่ JK คนเดียวที่คิดว่ามันต้องได้และนี่ก็ปามาจะ 10 นัดสุดท้ายอยู่แล้ว
ผมเห็นนาที 70 กว่าๆ TAA วิ่งไล่จนถึงหน้าปากประตูซึ่งตอนนั้นสกอร์ห่าง 3-1 ไปแล้วจนเจ้าตัวโวยวายหลังหันกลับมาไม่เห็นเพื่อนดันขึ้นมาไล่ตามด้วย
การเพรสมันต้องใช้พละกำลังและความเด็ดขาดแต่การไล่แค่คนสองคนมันเหนื่อยเปล่า
จะไปเอาบอลจาก ซิตี้ คนเดียวแบบนั้นมันการ์ตูนไปหน่อย ต้องมีกลยุทธิ์ก่อนถึงใช้แรงเข้าช่วย นี่เล่นไม่มีทั้ง 2 อย่างจะเอาไรไปสู้
เห็นปัญหาของ ลิเวอร์พูล แล้วนึกภาพไม่ออกเลยว่าต้องเริ่มแก้ที่จุดไหนก่อนซึ่งต้องไปว่ากันอีกทีหลังจบฤดูกาล ตอนนี้ต้องประคองหิ้วปีกกันไปก่อน
การแพ้ ซิตี้ เป็นแค่ออเดิร์ฟเรียกน้ำย่อยช่วง “เมษามหาโหด” ที่มี เชลซี รออยู่กลางสัปดาห์ต่อด้วย อาร์เซนอล ในวีคหน้า
ของหนักมาไม่พักแบบนี้ ความย่อยยับจะไปหยุดที่ตรงไหนเผื่อใจยอมรับไว้ด้วยก็ดีครับ…
สถิติ สถิติ สถิติ
แมนฯซิตี้ เอาชนะในบ้านเกมที่ 100 ภายใต้การทำทีมของ เป๊ป กวาดิโอล่า จากทั้งหมด 128 เกม (เสมอ 16 แพ้ 12) นับเป็นกุนซือที่คว้าชัยในบ้านแตะ 100 เกมไวที่สุด โค่นสถิติ 139 เกมของ อาร์แซน เวนเกอร์ ลงเรียบร้อย
ลิเวอร์พูล แพ้ 5 จาก 10 เกมในพรีเมียร์ลีกของปี 2023 ซึ่งแค่ช่วงนี้พวกเขาก็แพ้มากกว่าทั้งฤดูกาล 2022 เสียอีก (เล่น 35 ชนะ 24 เสมอ 7 แพ้ 4)
ประตูในวินาทีที่ 53 ของ เควิน เดอ บรอยน์ เป็นประตูที่ ลิเวอร์พูล เสียในครึ่งหลังเร็วที่สุดในพรีเมียร์ลีกนับตั้งแต่ ซิลแวง ดิสแต็ง เคยยิงให้ เอฟเวอร์ตัน ใน 40 วินาทีเมื่อเดือนมกราคม 2011
ลิเวอร์พูล แพ้นอกบ้าน 8 เกมในฤดูกาลนี้ ถือว่ามากที่สุดในฤดูกาลเดียวนับตั้งแต่ฤดูกาล 2014-15 และแพ้เกมเยือนในฤดูกาลเท่ากับ 3 ซีซั่นหลังรวมกันเลยทีเดียว
นอกจากนี้ “หงส์แดง” เสียประตูให้ แมนฯซิตี้ ภายใต้การคุมทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ถึง 30 ลูก มากกว่าทีมอื่นๆถึง 11 ลูก
โม ซาลาห์ เป็นนักเตะ ลิเวอร์พูล คนแรกที่ยิงใส่ทีมเดิมได้ถึง 4 เกมในฤดูกาลเดียวนับตั้งแต่ เอียน รัช เคยยิง เอฟเวอร์ตัน ได้ 5 เกมในฤดูกาล 1986-87
ลิเวอร์พูล มีโอกาสยิงแค่ 4 หนในเกมนี้ เป็นตัวเลขที่น้อยที่สุดของพวกเขานับตั้งแต่กันยายน 2011
ที่มา: soccersuck