เกิดใหม่ใน WC : บรูโน่ แฟร์นานเดส
ช่วงเวลา 1 ปีครึ่ง สำหรับวงการฟุตบอล ถือเป็นเวลาที่ยาวนานเหลือเกิน โดยเฉพาะสำหรับ บรูโน่ แฟร์นานเดส เพลย์เมคเกอร์จอมโวย กับ ทีมชาติโปรตุเกส บ้านเกิดเมืองนอนของเขา
เมื่อเดือน มิถุนายน 2021 มิดฟิลด์จากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถูก แฟร์นานโด ซานโตส กุนซือทีมชาติ ถอดออกจากทีมที่เตรียมลงสนามพบ เบลเยี่ยม ในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 รอบ 16 ทีมสุดท้าย
เหตุผลตอนนั้นก็ง่าย ๆ คือ เขาโชว์ฟอร์มออกทะเลระหว่างการแข่งขันในรอบคัดเลือก ซึ่งท้ายที่สุด “ฝอยทอง” พ่าย “ปีศาจแดงแห่งยุโรป” ก่อนตกรอบไปด้วยสกอร์ 0-1
ตัดภาพมาที่ปัจจุบัน ในศึกฟุตบอลโลก 2022 ซานโตส กำลังเตรียมความพร้อมทีมลงสนามรอบน็อคเอ้าท์ ในทัวร์นาเมนต์ระดับเมเจอร์อีกครั้ง โดยจะพบ สวิตเซอร์แลนด์ ที่สนาม ลูเซล สเตเดี้ยม วันอังคารนี้
แต่ในคราวนี้ การมีส่วนร่วมของแฟร์นานเดสนั้น ไม่มีใครกล้าตั้งคำถาม เขายิงไปแล้ว 2 ประตูกับอีก 2 แอสซิสต์ ระหว่างลงสนามในรอบแบ่งกลุ่ม
จากการที่โปรตุเกส ตีตั๋วเข้ารอบตั้งแต่ 2 เกมแรก ทำให้ สตาร์จากรั้วโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ได้พักในเกมพบเกาหลีใต้ นัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาบาดเจ็บ อีกทั้งยังฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาฟิตเต็มถัง พร้อมรับศึกหนักต่อไป
ซานโตส มักโดนวิจารณ์ว่าไม่สามารถต่อยอดผลงานน่าประทับใจของโปรตุเกสไปให้สุดได้ แต่อย่างน้อย ระหว่างมหกรรมลูกหนังโลกที่กาตาร์ หนนี้ เขากำลังทำงานของตัวเองได้อย่างราบรื่น
ขุมกำลังที่เปี่ยมไปด้วยนักเตะพรสวรรค์อย่าง คริสติอาโน่ โรนัลโด้, แบร์นาร์โด้ ซิลวา, เชา เฟลิกซ์, รูเบน ดิอาส และเชา คันเซโล่ มุ่งหน้าสู่รอบแพ้คัดออก ซึ่งหากเกิดความผิดพลาดขึ้นมาแม้แต่นิดเดียว ก็ต้องมีอันเก็บข้าวของกลับไป
ขุนพลลูกหนังแดนฝอยทอง จะจำเป็นต้องให้ แฟร์นานเดส รักษาฟอร์มสุดยอดเอาไว้ต่อไป เพื่อโอกาสที่จะผ่านรอบ 16 ทีมสุดท้ายเป็นหนแรกนับตั้งแต่เคยทะลุถึงรอบรองชนะเลิศ เมื่อปี 2006 ในยุคทองของพวกเขา
แฟร์นานเดส โดนวิจารณ์อย่างหนักระหว่างลงสนามในศึกยูโร ครั้งล่าสุด ถึงขนาดที่ว่า โจเซ่ มูรินโญ่ พูดออกมาหลังแพ้ เยอรมนี 2-4 ในเกมรอบแบ่งกลุ่มว่า “บรูโน่ อยู่ในสนามแต่ไม่ได้เล่นสักแอะ”
นอกจากนั้น ยังมีคำถามเรื่องผลงานกับ “ปีศาจแดง” ด้วยเช่นกัน แม้จะยิงไปถึง 53 ประตูจาก 146 เกมนับตั้งแต่ย้ายมาจากสปอร์ติ้ง ลิสบอน เมื่อมกราคม 2020 ด้วยค่าตัวรวมแอดออนแล้วกว่า 80 ล้านยูโร
เรื่องที่เขาโดนวิจารณ์บ่อยที่สุดคือการทำบอลเสียง่ายดายเกินไป ในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก ที่พบ อิสตันบูล บาซัคเซเฮียร์ เมื่อพฤศจิกายน 2020 สถิติแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เขาทำบอลเสียไปมากมายถึง 34 ครั้ง ในเกมที่ต้นสังกัดพ่าย 1-2
ในอีกไม่กี่สัปดาห์ต่อมา เขาทำบอลลั่นจนเสียไปถึง 17 หน มากกว่านักเตะคนไหนในสนามระหว่างเกมที่ ยูไนเต็ด ดวลกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส แต่แมตช์นี้ เป็นเขาที่จ่ายบอลถวายพานให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด ยิงประตูชัยในนาทีที่ 90
โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ผู้จัดการทีมตอนนั้น ยอมรับหลังจากจบเกมดังกล่าวว่า บางที แฟร์นานเดส ก็ทำให้เขาอยากจะ “หยุมหัวตัวเอง” แต่ก็ยืนยันว่า การเรียกฟอร์มเก่งของนักเตะคืนมานั้น คุณต้องทำดีใส่ความเลวร้ายทั้งหลาย
“เห็นได้ชัดนะว่าเขาคือนักเตะสักคนที่มีผลกระทบต่อผลการแข่งขัน” โค้ชนอร์วีเจี้ยน กล่าวในเวลานั้น
“เขาสร้างโอกาสได้ เขายิงประตูก็ได้ และมันต้องเสี่ยง ซึ่งนักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ว่าคนไหนๆ ก็สมควรที่จะได้รับอนุญาตให้ทำอะไรแบบนี้ และมีความกล้าหาญชาญชัยมากพอที่จะทำ”
“แน่นอนว่าเขาคือเด็กที่กล้าหาญ เขามองเห็นช่องทางการจ่ายบอล คุณไม่สามารถพรากสิ่งนี้ไปจากบรูโน่ ได้หรอกนะ”
แต่เดิมนั้น “ปีศาจแดง” ตั้งใจจะเซ็นสัญญากับ แฟร์นานเดส ตอนซัมเมอร์ 2019 แต่พิจารณาแล้วว่า ค่าตัวที่สปอร์ติ้ง ตั้งเอาไว้นั้นแพงเกินไปสำหรับนักเตะสักคนที่เสียบอลบ่อยขนาดนี้ แม้การเป็นนักเตะเกมรุกนั้น คุณย่อมถูกร้องขอให้เสี่ยงที่จะเล่น
โซลชาร์ และ เอริก เทน ฮาก กุนซือคนปัจจุบัน พยายามทำงานเพื่อปรับปรุงเรื่องการตัดสินใจของแฟร์นานเดส แต่ดาวเตะวัย 28 ปี เคยกล่าวเอาไว้ตอนหน้าร้อนที่ผ่านมาว่า เขาจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลงเกมการเล่นของตัวเองไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือเด็ดขาด
ระหว่างการให้สัมภาษณ์เรื่องเกมการเล่นของตัวเองนั้น แฟร์นานเดส บอกว่า “ผมเก็บบอลตอนที่ผมคิดว่าผมต้องเก็บบอลเอาไว้”
“ผมพยายามจ่ายบอลตอนที่ผมคิดว่าต้องจ่าย บางทีมันก็ออกมาดี บางครั้งมันก็ออกมาไม่ดี”
“แน่นอนว่า เมื่อมันไม่ดี ผมก็รู้ว่าไม่ควรจ่ายไปแบบนั้น แต่บางทีเมื่อคุณลงสนามในฐานะนักเตะหมายเลข 10 คุณก็จะมีเวลาเพียงไม่กี่วินาทีในการคิดและคอนโทรลบอลก่อนจ่ายบอล ไม่ได้มีเวลามากมายอะไรให้คิดนักหรอกนะ”
ตามปกติแล้ว แฟร์นานเดส จะได้รับบทตรงกลางสนามยามเล่นให้กับยูไนเต็ด แต่สำหรับโปรตุเกส ในเวิลด์ คัพ หนนี้ มักถูกใช้งานในกราบขวาของตำแหน่งสามประสานแดนหน้า แต่ก็มีใบอนุญาตให้ตีตั๋วลากเข้ามาตรงกลางได้เช่นกัน
เหมือนที่โซลชาร์ เคยทำ ซานโตส กำลังร้องขอให้ แฟร์นานเดส มีผลกระทบต่อผลการแข่งขัน ตอนที่ โปรตุเกส กำลังระส่ำระสายมีสกอร์เสมอ กานา 1-1 ในเกมนัดแรกของทัวร์นาเมนต์
เป็น แฟร์นานเดส ที่สร้าง 2 ประตูในเวลา 2 นาที โดยครั้งแรก คือการจ่ายบอลสุดแซบไปให้ เฟลิกซ์ จากนั้นก็เป็นราฟาเอล เลเอา พังตาข่ายได้
ในเกมพบ อุรุกวัยนั้น เขายิงประตูแรกด้วยการชิพบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษ ซึ่ง โรนัลโด้ เข้าไม่ถึง ก่อนที่จะยิงประตูจากลูกจุดโทษ ภายหลังจากพาตัวเองเข้าไปเรียกฟาวล์ได้สำเร็จในช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งหลัง
ผลงานดังกล่าวดีพอที่ทำให้ โปรตุเกส เก็บ 6 คะแนนเต็มพร้อมตบเท้าผ่านเข้าไปเล่นในรอบน็อคเอ้าท์ แม้สะดุดพ่าย “โสมขาว” แบบสุดช็อคในเกมสุดท้ายก็ไม่มีผลอะไรเพิ่มเติม
ในรอบแบ่งกลุ่มนั้น มีเพียงแค่ทีมชาติอังกฤษ และสเปน ที่ใส่สกอร์บอร์ดได้มากกว่าแชมป์ยุโรปปี 2016 ที่ยิงไปแล้ว 6 ประตู ซึ่ง แฟร์นานเดส มีส่วนร่วมถึง 4 ประตูที่พวกเขายิงได้
โรนัลโด้ในวัย 37 ปี ยังคงเป็นดาวเด่นภายในสนามของโปรตุเกส แต่หากพวกเขาจะเปลี่ยนสถานะให้เป็นทีมที่มีลุ้นเต็มสูบในทัวร์นาเมนต์ที่กาตาร์ มันจะต้องเป็นนักเตะอย่าง แฟร์นานเดส ที่ก้าวขึ้นมาระเบิดผลงานชิ้นโบว์แดงให้ได้อย่างต่อเนื่องในทุกนัด
ฟุตบอลโลกครั้งนี้ คือฉากสุดท้ายของ โรนัลโด้ กับทีมชาติโปรตุเกส รวมถึงการที่ ซานโตส จะลงจากตำแหน่งกุนซือของทีม เป็นอันปิดฉากช่วงเวลานานกว่า 8 ปี ที่นั่งเก้าอี้ตัวนี้อย่างต่อเนื่อง
การเผชิญหน้ากับทัพลูกหนังแดนนาฬิกาในรอบสองวันอังคานี้ และอาจตบเท้าเข้าไปฉะ “กระทิงดุ” ทีมเพื่อนบ้านในรอบก่อนรองชนะเลิศ ไม่มีใครรู้ว่าผลการแข่งขันจะออกหัวหรือก้อย
แต่เท่าที่ผ่านมานั้น สิ่งเดียวที่เชื่อถือได้คือฟอร์มการเล่นของแฟร์นานเดส หากโรนัลโด้ และซานโตส อยากที่จะโบกมืออำลาทีมไปแบบสวยๆ พวกเขาก็จำเป็นต้องภาวนาให้ฟอร์มของ “บรูโน่” ไฉไลแบบนี้ต่อไป
ที่มา: soccersuck