เข้ารอบผ่านธูป 14 นาที class บอลคนละชั้น

เจ็บปวดนะครับที่เริ่มต้นแบบหญิงให้ความหวังรับมือกับเจ้าพ่อยุโรปอย่าง เรอัล มาดริด แบบ “สู้ได้” และนำ 2-0 ภายใน 14 นาที

แต่พริบตาเดียวถูก “สอนเชิง” โดนยิง 5 เม็ดชนิดตั้งตัวและปรับอารมณ์กันแทบไม่ทัน

เป็นอีกหนึ่งเกมที่ต้องเก็บเข้าลิส “ไม่ขอดูไฮท์ไลท์” เคียงข้างในเกมที่แพ้ แอสตัน วิลล่า 7-2 เมื่อเกือบ 3 ปีก่อน

ผมไม่ค่อยชอบความรู้สึกตัวเองเวลาต้องเจอ เรอัล มาดริด ในช่วง 2-3 ปีหลังให้ตายสิ

ด้วยความที่แพ้ 6 จาก 7 นัดล่าสุดที่เจอกันความชินชาจู่ๆมันเตือนตลอดว่า มาดริด เขาเป็นทีมเบอร์ 1 ของโลกแค่สนามก็ใหญ่ผิดกันแล้ว

แถมเป็นตัวแทนของประเทศ สเปน อีกต่างหาก ยอมให้ซักทีมแพ้ไปก็ไม่น่าอาย คนจะล้อก็ล้อได้ไม่เต็มปาก

ซึ่งจริงๆแล้วความคิดแบบนี้มันเป็นความคิดของไอ้พวกขี้แพ้ชัดๆ

อยากจะใจนักเลงอยู่นะแต่อดคิดไม่ได้ขนาดรอบชิง UCL ปีที่แล้ว ลิเวอร์พูล อยู่ในช่วงพีคสุดไล่กด มาดริด ยับๆยังแพ้หน้าตาเฉยแล้วปีนี้จู่ๆสภาพทีมดาว์นเกรดลงมาจะไปเหลืออะไร

ในระหว่างที่เริ่มปรับอารมณ์กับสถานการณ์ตรงหน้าได้แล้ว ผมต้องคอยมองเวลาเพื่อเร่งให้ครบ 90 นาทีให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ ครึ่งโหลหรือมากกว่านั้นทำใจลำบากจริงๆ

เยอร์เก้น คล็อปป์ กลัวไม่แพ้พวกเราและอาสาเป็นคนตีระฆังด้วยตัวเองหลังไม่เอาแล้วเกมบุกเปลี่ยนตัวรัวๆโดยเฉพาะแนวรุกความเร็วสูงทั้ง 2 คน

โอกาส 3 ครั้งในครึ่งหลังของ “ราชันชุดขาว” เป็นประตูทั้งหมด เป็นการตอกย้ำตัวตนของพวกเขาว่า class บอลยังห่างชั้นกับ ลิเวอร์พูล หลายขุม

ความชัดเจนแบบสุดๆคือหลังปิดเกม 5-2 แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นในสนามคือภาพที่หดหู่สุดๆเมื่อนักเตะทีมเยือนซ้อมเหมือนเล่นลิงชิงบอลระหว่างวอร์มอัพ มันเป็นแบบนั้นจริงๆ

แข้ง “หงส์” วิ่งไม่เจอบอลก่อนลงเอยด้วยการไปไล่เตะทำฟาว์ล พลังงานความดุดันที่ใช้ไปในครึ่งแรกหมดไปเรียบร้อยครับ

ขาดกลางตัวจริงไป 2 คนยังเล่นได้ขนาดนี้ เห็นกันแล้วนะครับความแตกต่างของการหวงแหนการไม่เสียบอลระหว่างทางโดยเฉพาะตรงกลางสนามมันสำคัญเปลี่ยนผลการแข่งขันได้เลย

ครับมันก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ไม่ใช่เรื่องประหลาดอะไรกับภาพเดิมๆที่เราเห็นในลีก ความผิดพลาดส่วนบุคคลอย่างเช่น อลิสซอน คนที่ช่วยชีวิตทีมมาก็เยอะแต่ก็เหวอมากพอจะรวมไฮท์ไลท์ลงยูทูปได้

ทุกคนได้บทเรียนกันคนละดอกสองดอกว่าการเจอกับนักเตะระดับโลกและทีมระดับโลกควรต้องเล่นอย่างไร

เจ้าหนู บายเซติซ ได้ค่า EXP ไปเต็มๆเพราะวันนี้เห็นได้ชัดว่าน้องแกมั่นใจเต็มหลอดจนเล่นยากก่อนเป็นที่มาของการทำเสียประตูถึง 2 ลูก

“ลงเล่นฟุตบอลเป็นเรื่องง่ายแต่การเล่นบอลให้ง่ายเป็นเรื่องยากที่สุด”

วลีอมตะของ โยฮัน ครอยฟ์ ตำนานผู้ล่วงลับเข้ากับสถานการณ์ของแข้งดาวรุ่งวัย 18 ปีเอามากๆ

ผมเข้าใจพวกนักเตะดาวรุ่งที่ได้รับคำชมจากสื่อ, โซเชี่ยล, พี่ๆในทีมรวมถึงผู้จัดการทีม

คือเมื่อมาถึงจุดๆนึงย่อมมีความรู้สึกอยาก “ย้ำ” ให้ทุกคนเห็นว่าตัวเองมีดีอะไรบ้าง (อาจจะมากกว่าที่คนชม) จึงเลือกเล่นอะไรที่เริ่มยากและซับซ้อนมากกว่าจะส่งบอลง่ายๆเหมือนเดิม

เป็นธรรมชาติของนักเตะที่กำลังมั่นใจห้าวเต็มที่แต่บังเอิญน้องแกเลือกผิดทีมไปหน่อย

ผมตะลึงมากที่ บายเซติช ฝืนเลือกพลิกบอลตรงกลางสนามทั้งๆที่มีเสือสิงห์กระทิงแรดของฝั่ง เรอัล มาดริด ถึง 2-3 คน

การเสียบอลตรงกลางสนามคือควาผิดที่ 1 ของ ลิเวอร์พูล, โจ โกเมซ ดูเหมือนไม่เกี่ยวอะไรแต่การคืนหลังด้วยวิถีบอล “หลุนๆ” ทำให้สปีดช้า แข้งมีความเร็วเป็นปรอทอย่าง วินิซิอุส ไล่บอลได้ใกล้ขึ้นมาอีกนิด นี่ความผิดที่ 2

เมื่อบอลเดินทางช้ากว่าที่เป็น อลิสซอน ที่ดูตกใจดันเลือกเตะอัดใส่รุ่นน้องทีมแซมบ้า (ที่หันหน้าหนี) แทนที่จะส่งให้ VvD ที่ยืนว่างอยู่หรือทางเลือกที่ง่ายที่สุดคือเตะทิ้งไปเลย ความผิดที่ 3

จังหวะ คูร์กตัวส์ ลั่นหน้าประตูก่อนแจกส้ม โม ซาลาห์ ผมคิดอยู่อย่างเดียวว่าวันนี้เรา “ปลดล็อก” ชดเชยกับตอน คาริอุส ส่งบอลเข้าเท้า เบนเซม่า ในรอบชิง UCL ได้แล้ว

แต่ อลิสซอน กลับคลอด ep. ตอนใหม่ สุดท้ายแล้วยัง move on ไม่ได้อยู่ดี

“หงส์แดง” ต้องกลับเข้าห้องแต่งตัวด้วยการเสมอ 2-2 และลงมาในครึ่งหลังในอารมณ์อยากแซงกลับอีกรอบโดยหลงลืมถึงความอ่อนในเกมรับของตัวเอง

คราวนี้ มาดริด เขาไม่หงอเหมือนช่วง 14 นาทีแรกแล้วไงครับ แต่ละลูกที่เจ้าถิ่นโดนยิงถ้าไม่นับประตูเปิดซิง 2-1 ของ วินิซิอุส เป็นการเสียแบบหยองหยอยมาก

2-3 ลูกฟรีคิกด้านข้างของ โมดริช นักเตะยืนแดงเถือกในกรอบ 6 หลา 9 คนแต่กลับไม่มีใครตามประกบ มิลิเตา คนเดียว

2-4 บายเซติช จ่ายยัดเสียบอลและถูกสวนก่อน เบนเซม่า ยิงแฉลบเปลี่ยนทาง

2-5 ฟาบินโญ่ เรือสำเภาเสียบอลแดนทีมเยือนโดนสวนให้ เบนเซม่า ยิงแบบหยามๆปิดท้าย

ความเป็นทีมบอลระดับโลกของ มาดริด ก็ส่วนนึง ความห่วยในเกมรับของ ลิเวอร์พูล ก็ส่วนนึงช่วยเกื้อหนุนทุกอย่างให้มันเกิดขึ้นง่ายและจบไว

ครับสิ่งที่ดีที่สุดของ ลิเวอร์พูล หลังจบเกมนี้ (หากเราจะมอง) คือการรู้ชะตากรรมของตัวเองตั้งแต่เนิ่นๆโดยไม่ต้องเหลืออะไรให้หวังในเลก 2 นี่แหละครับ…

สถิติ สถิติ สถิติ

เรอัล มาดริด เป็นทีมแรกนับตั้งแต่มีการเก็บสถิติตั้งแต่ปี 2003-04 ที่สามารถยิง 5 ประตูใน UCL ด้วยจำนวนการยิงน้อยกว่า 10 หนใน 1 เกม (9 ครั้ง)

ในวัย 22 ปี 224 วัน วินิซิอุส จูเนียร์ เป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดของฝั่งทีมเยือนที่บุกมายิง ลิเวอร์พูล ถึง แอนฟิลด์ ในถ้วยใหญ่ยุโรปนับตั้งแต่ โยฮัน ครอยฟ์ เคยทำไว้เมื่อเดือนธันวาคม 1966 ในเกมกับ อาแย็กซ์ (19 ปี 233 วัน)

ลิเวอร์พูล เป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ UCL ที่นำ 2-0 แต่แพ้ขาด 3 ลูก

“หงส์แดง” เสีย 4 ประตูในบ้านในเวทียุโรปเป็นครั้งแรกของสโมสร

โม ซาลาห์ เป็นนักเตะคนแรกของตัวแทนจาก อังกฤษ ในเวที UCL ที่ทั้งยิงและแอสซิสต์ในเกมเดียวได้ถึง 8 เกม

นอกจากนี้ “บัง” ทาบสถิติเป็นแข้ง แอฟริกัน ที่ยิงประตูใน UCL มากที่สุดร่วมกับ ดิดิเยร์ ดร็อกบา (44 ประตู)

ดาร์วิน นูนเญซ กลายเป็นนักเตะที่ยิงประตูให้ ลิเวอร์พูล เร็วที่สุดใน UCL (3 นาที 10 วินาที)

สเตฟาน บายเซติซ เป็นนักเตะอายุน้อยที่สุด (18 ปี 122 วัน) ที่ออกสต๊าร์ตตัวจริงใน UCL ให้ ลิเวอร์พูล

ที่มา: soccersuck

ความคิดเห็น

ความคิดเห็น

จำนวนคนดู: