เหลืออีกก้าวเดียว “พรสวรรค์” นำพาแชมป์โลก

ในระหว่างที่ผมกำลังเพลิดเพลินไปกับการเห็นแดนกลาง โครเอเชีย “เก็บกิน” อาร์เจนติน่า เหมือนที่ทำกับทีมอื่นๆแต่เพียงไม่กี่นาทีการพลาดหนเดียวกลายเป็นประตู

จุดโทษของ ลีโอเนล เมสซี่ เปลี่ยนรูปเกมและทำลายกำแพงหินทั้งกลางและหลังของ “ตราหมากรุก” จนแพ้ย่อยยับในบั้นปลาย 3-0

เป็นชัยชนะที่ง่ายดายเกินคาดของ อาร์เจนติน่า (และแฟนบอล) โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนหน้านี้มันไม่มีสัญญาณเตือนใดๆจนกระทั่งการมาของประตูแรกในนาที 34

แต่ละลูกที่ “รองแชมป์เก่า” เสียในครึ่งแรกเป็นจังหวะบุกใส่ทั้งสิ้นและพื้นที่หลังบ้านเปิดโล่งเข้าทางกองหน้าสั้นขยันซอยอย่าง ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ

ครับไฮท์ไลท์ที่ถูกพูดถึงบนโลกโซเชี่ยลอย่างมากรวมถึงเสียงร้อง “เฮี้ย” จากผู้ได้เห็นมาจากการร่ายมนต์โซโล่เดี่ยวของ ลีโอเนล เมสซี่ ก่อนนำมาสู่ประตู 3-0 ของ อัลวาเรซ คนเดิม

แน่นอนมันไม่ใช่ครั้งแรกที่ เมสซี่ โชว์เหนือกับลูกลักษณะนี้่แต่ความพิเศษใส่ไข่ของมันคือดันมาเกิดขึ้นตอนอายุ 35 ปี, ในบอลโลกและคู่ต่อสู่ 1 vs 1 เป็น ยอสโก้ กวาร์ดิโอล หนึ่งในกองหลังที่ถูกยกย่องว่าเล่นดีที่สุดในฟุตบอลโลกหนนี้

ความแตกต่างของนักเตะทั่วไปกับ GOAT ลูกนี้บ่งบอกได้ชัดเจนเอามากๆ มันทำให้เราเห็นความพิเศษจากการเล่นที่ไม่ต้องหวือหวาเล่นท่ายากแต่เต็มไปด้วยความ classic ที่หาดูไม่ได้จากนักเตะคนไหน

บอลอยู่ริมเส้นพื้นที่แทบไม่เหลือ เป็นคนอื่นเตรียมคืนหลังหรือไม่ก็โดนแหย่ออกข้าง คนดูเตรียมหาวหวอดๆแต่ยี่ห้อ เมสซี่ กลับกระชากมันขึ้นมาหน้าตาเฉย

ยังไม่จบครับการกระชากลากขึ้นมาถึงเขตโทษ เมสซี่ อยู่ในจุดเสียเปรียบตลอดทางจากการต้องหันข้างและหันหลังเล่นกับบอล

การหลอกโยกตามสไตล์ว่าจะไปอีกทางแล้วม้วนกลับมาเป็นมุกหากินที่เราเห็นกันอย่างบ่อย (นักบอลด้วยกันยิ่งศึกษาหนักกว่าหลายเท่า) แต่จนแล้วจนรอดพรวดกันทุกคน

แค่โยกเดียว “เปลี่ยนชีวิต” กวาร์ดิโอล ให้วาร์ปไปอยู่ด้านหลัง เมสซี่

เป็นเครดิตของกัปตันทีม “ฟ้าขาว” คนเดียว 99% อีก 1 เป็น อัลวาเรซ ที่ไม่ต้องทำอะไรมาก

เห็นคลิปที่ฝรั่งถ่ายข้างสนามช็อตนี้พร้อมคำอุทาน “oh my word” ยิ่งดูยิ่งอิจฉาตาร้อนผ่าวๆ

ส่วน กวาร์ดิโอล ในวัย 20 ปีประสบการณ์ชั่วโมงบินถือว่าน้อยมาก การเสียท่า เมสซี่ ไม่ได้ขโมยความจริงที่ว่าน้องมันยังมีอนาคตอีกไกลแสนไกล ไอ้สกิลของ เมสซี่ ที่โดนหลอกหัวทิ่มในวันนี้จะทำให้รับมือกับตัวรุกตัวอื่นๆได้เขี้ยวกว่าเดิมผมมองแบบนั้น

บอลคู่นี้ โครเอเชีย นอกจากแพ้ตั้งแต่ครึ่งแรกแล้ว สถานการณ์ไม่ดีขึ้นเลยเมื่อ ซลัตโก้ ดาลิช กุนซือยอมถอดกลางอย่าง มาร์เซโล่ โบรโซวิช และส่ง บรูโน่ เพตโควิช ที่สูง 194 ซม. เพื่อเล่นงานลูกกลางอากาศเหมือนที่ เนเธอร์แลนด์ เคยทำสำเร็จแต่ โมดริช ในวัย 37 ปีกลับรับภาระหนักมากขึ้นกว่าเดิม

อย่าลืมว่า โบรโซวิช เป็นพวกม้าขยัน ครองสถิติวิ่งมากที่สุดใน 1 เกมในประวัติศาสตร์บอลโลก (120 นาทีพบ ญี่ปุ่น) แผนไม่เวิรืค กลางอ่อนแรง ลุ้นอะไรไม่ขึ้นครับครึ่งหลัง

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อทีมกากๆที่รอพึ่งพาแต่ เมสซี่ เล่นไม่มีอะไรเลยเปิดสนามแพ้ ซาอุดิอาระเบีย จู่ๆพลิกโฉมกลายเป็นทีมเขี้ยวลากดิน เล่นเพื่อผลการแข่งขันเหมือนสั่งได้ เกิดความสมดุลทั้งเกมรุก/รับตบเท้าเข้าชิงเป็นทีมแรกเรียบร้อย

มาถึงตรงนี้ยอมรับว่าแอบ “เคือง” อาร์เจนติน่า ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายกับ เนเธอร์แลนด์ นิดหน่อยจากเหตุการณ์เตะบอลอัดใส่ซุ้มม้านั่งสำรองของ เลอันโดร ปาเรเดส

แต่ 2-3 วันที่ผ่านมาได้เห็นคลิปการยั่วยุของฝั่ง “อัศวินสีส้ม” ระหว่างยิงจุดโทษเรียบร้อยแล้ว เห็นแล้วรับไม่ได้เช่นกัน

ภาพการเยาะเย้ยของ อาร์เจนฯ หลังชนะดวลจุดโทษจึงมีที่มาที่ไปฉะนี้นี่เอง

เป็นข้อมูลสำคัญที่ถือว่าได้รับภายหลังเขียนคอลัมน์ที่แล้วเสร็จสิ้น ขิงก็ราข่าก็แรง ศีลเสมอกันเจ๊าๆกันไป

วันนี้ผมจึงเหมือนทุกคนที่ส่งแรงเชียร์เอาใจ “เจ้าพ่อเดินเล่น” เมสซี่ และพลพรรค “ฟ้าขาว” เพื่อให้รอบชิงมีสตอรี่เข้มข้นกว่าเป็นทีมหน้าเดิมจาก 4 ปีที่แล้ว

ปฏิเสธไม่ได้ว่าติ่ง เมสซี่ มีความฝันสูงสุดอยากเห็นหนึ่งในตำนานที่ยังเล่นอยู่แขวนสตั๊ดด้วยการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก

ผมยอมรับนับถือ คริสติอาโน่ โรนัลโด้ ที่ผลักดันตัวเองอย่างหนักเพื่อก้าวมาถึงระดับโลกด้วย “พรแสวง”

ซึ่ง “พรแสวง” เมื่อถึงจุดๆนึงมันย่อมอ่อนแรงลงตามสังขารซึ่ง “โด้” กำลังเผชิญกับมันอยู่

แต่ในขณะเดียวกัน เมสซี่ แสดงให้พวกเราเห็นเช่นกันว่า “พรสวรรค์” ไม่เคยจางหายไปไหนเลยแม้กระทั่งในวัย 35 ปี

ดังวลีที่ได้ยินกันอยู่บ่อยๆ Form is temporary, class is permanent

รายการเดียวที่เพลย์เมคเกอร์หมู่ 10 รอคอยมาทั้งชีวิต พรสวรรค์นำพา เมสซี่ มายืนอยู่หน้าถ้วยฟีฟ่า เวิร์ลด คัพ เหลืออีกเพียงแค่ 1 เกมเท่านั้น

ไม่รู้สิ…ลูกโซโล่สุดคลาสสิคผ่าน กวาร์ดิโอล ผมมองเหมือนเป็นการร่ำร้องเรียกหาแชมป์ของ เมสซี่ ผ่านผืนหญ้ายังไงไม่รู้

ด้วยความเคารพต่อ ฝรั่งเศส หรือ อาจจะโมร็อคโก

ฟุตบอลโลกหนนี้จะปิดฉากแบบเพอร์เฟคต้อง เมสซี่ ชูถ้วยเท่านั้นครับ….

สถิติ สถิติ สถิติ

ลีโอเนล เมสซี่ มีส่วนร่วมกับ 19 ประตูในฟุตบอลโลก (11 ประตู 8 แอสซิสต์) เป็นสถิติที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 1966 (ที่เริ่มเก็บสถิติ) เท่ากับบรรดาตำนานอย่าง มิโรสลาฟ โคลเซ่, โรนัลโด้ (โด้อ้วน) และ เกิร์ด มุลเลอร์

เมสซี่ ยิงไปแล้ว 11 ประตูจากการลงเล่นในฟุตบอลโลก เป็นตัวเลขที่มากที่สุดเหนือนักเตะ อาร์เจนติน่า ทุกคนในประวัติศาสตร์

เมสซี่ ลงเล่นในฟุตบอลโลกเป็นเกมที่ 25 ขึ้นแท่นเป็นนักเตะที่ลงเล่นในรายการนี้มากที่สุดในประวัติศาสตร์เทียบเท่า “ซูเปอร์แมน” โลธาร์ เมเธอุส ของ เยอรมัน

เมสซี่ ยิงไปแล้ว 16 ประตูให้ อาร์เจนติน่า ในปี “2022” ซึ่งถือเป็นปีที่เจ้าตัวยิงมากกว่าปีไหนๆเลยทีเดียว

2005 / 0 ประตู

2006 / 2 ประตู

2007 / 6 ประตู

2008 / 2 ประตู

2009 / 3 ประตู

2010 / 2 ประตู

2011 / 4 ประตู

2012 / 12 ประตู

2013 / 6 ประตู

2014 / 8 ประตู

2015 / 4 ประตู

2016 / 8 ประตู

2017 / 4 ประตู

2018 / 4 ประตู

2019 / 5 ประตู

2020 / 1 ประตู

2021 / 9 ประตู

2022 / 16 ประตู

– เมสซี่ เป็นนักเตะคนแรกที่ยิงและจ่ายมากถึง 4 เกมในฟุตบอลโลก (นับตั้งแต่ปี 1966)

2006 vs เซอร์เบีย

2022 vs เม็กซิโก

2022 vs เนเธอร์แลนด์

2022 vs โครเอเชีย

มีเพียง 6 นักเตะในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกที่ยิงประตูทั้งในรอบ 16 ทีม, 8 ทีมและรอบรองชนะเลิศในฟุตบอลโลกปีนั้นๆ (นับตั้งแต่มีรอบ 16 ทีมในบอลโลก 1986)

1990 – สลิลลาชี่

1994 – บัคจิโอ

1994 – สตอยคอฟ

1998 – ซูเคอร์

2010 – สไนจ์เดอร์

2022 – เมสซี่

อาร์เจนติน่า ผ่านเข้ารอบชิงฟุจบอลโลกเป็นสมัยที่ 6 (ครั้งล่าสุดแพ้ เยอรมัน ปี 2014) โดยจำนวนเข้าชิงเป็นรองเพียงแค่ เยอรมัน (8) ทีมเดียวและเทียบเท่า อิตาลี กับ บราซิล (6)

ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ (22 ปี 316 วัน) เป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ยิง 2 ประตูในรอบรองชนะเลิศ (หรือรอบชิง) นับตั้งแต่ เปเล่ (17 ปี 249 วัน) เคยทำไว้เมื่อปี 1958

นอกจากนี้ อัลวาเรซ ยิง 6 ประตูจากการลงตัวจริง 8 นัดให้ อาร์เจนติน่า ในทุกรายการโดย 3 ใน 6 มาจากฟุตบอลโลกหนนี้

อัลวาเรซ ยิงประตูในฟุตบอลโลกหนนี้ไปแล้วทั้งสิ้น 4 ลูก กลายเป็นนักเตะคนที่ 2 ของ อาร์เจนติน่า ที่ยิงได้ 4 ลูกในวัย 22 หรือน้อยกว่านั้นนับตั้งแต่ กอนซาโล่ อีกวาอิน ทำได้เมื่อปี 2010 (4 ประตู)

ลูก้า โมดริด เป็นนักเตะเพียงแค่รายที่ 4 ที่ลงตัวจริง 6 เกมในฟุตบอลโลกหนเดียวในขณะที่อายุ 37 ปี (หรือมากกว่า) คนที่เคยทำไว้ก่อนหน้านี้ 3 คนคือ นิลตัน ซานโต๊ซ ของ บราซิล ปี 1962, ดิโน่ ซอฟฟ์ ของ อิตาลี 1982 และ ปีเตอร์ ชิลตัน ของ อังกฤษ 1990

ที่มา: soccersuck

ความคิดเห็น

ความคิดเห็น

จำนวนคนดู:
X ปิด